ห้องเม่าปีกเหล็ก

ทําไมในปัจจุบัน ไม่มีหุ้นเน้นมูลค่า ( Value Stock ) เหลืออยู่เลย?

โดย ศักดิ์
เผยแพร่ :
51 views

" ทําไมในปัจจุบัน ไม่มีหุ้นเน้นมูลค่า ( Value Stock ) เหลืออยู่เลย? " :

เพราะในปัจจุบันนี้ หุ้นที่มีอยู่ในโลกนี้เป็นหุ้นที่มีราคาแพงทั้งสิ้น และหุ้นแบบเน้นมูลค่าปรากฏครั้งสุดท้าย ดังนี้ คือ : 

 1) ในสหรัฐอเมริกา : ในเหตุการณ์วิกฤติวันจันทร์ทมิฬในปี ค.ศ 1987 เมื่อ Down Jones ปรับตัวลดลงไปทําจุดตํ่าสุดในรอบนี้ที่ 1,738 จุด เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม ปี ค.ศ 1987 แล้วปรับตัวขึ้นมาทําจุดสูงสุดตลอดกาลที่ 26,951 จุด เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ปี ค.ศ 2018 หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 26,951 / 1,738  = 15.51 เท่า ภายในระยะเวลา 2018 - 1987 = 31 ปี กลยุทธแบบ Value Investment ( 30% ) และ Growth Invesment ( 70% ) ทําให้ Warren Buffett ซื้อหุ้นได้ในราคาถูก และถือหุ้นยาวในธุรกิจที่มีอนาคต และเป็นกรณีที่ประสบผลสําเร็จมากที่สุดในโลก หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ กรณีที่ Warren Buffett ซื้อหุ้น Coca Cola เมื่อเกิดวิกฤติวันจันทร์ทมิฬในปี ค.ศ 1987 ที่ทําให้ซื้อหุ้นได้ในราคาถูก และถือยาวๆในธุรกิจที่มีอนาคตก็คือถือหุ้น Coca Cola ตั้งแต่ที่ซื้อมาในปี ค.ศ 1987 จนถึงปัจจุบันเพราะ Coca Cola เป็นธุรกิจที่มีอนาคต นั่นเอง

2) ในไทย : ในเหตุการณ์วิกฤติต้มยํากุ้งในปี ค.ศ 1997 แล้วทําให้ Set Index ปรับตัวลดลงมาทําจุดตํ่าสุดในรอบนี้ที่ 204 จุด ในวันที่ 4 กันยายน ปี ค.ศ 1998 แล้วปรับตัวขึ้นมาทําจุดสูงสุดตลอดกาลที่ 1,852 จุด เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ปี ค.ศ 2018 หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 1,852 / 204 = 9.08 เท่า ภายในระยะเวลา 2018 - 1998 = 20 ปี

ส่วนที่นักวิแคระฯมักจะพูดถึง " หุ้นเน้นมูลค่า " กันอยู่เป็นประจํานั้น ก็เพื่อที่จะเชียร์ให้ " เม่า " เข้าไปติดดอย นั่นเอง!

เพราะฉะนั้น ในเมื่อไม่เกิดเหตุการณ์ที่จะทําให้หุ้นมีราคาถูก ( Value Investment  หรือ Stocks ) แล้ว กลยุทธในการ :

1) Long Set 50 Index Futures เมื่อตลาดอยู่ในสภาวะกระทิง

และ 2) Short Set 50 Index Futuresมื่อตลาดอยู่ในสภาวะหมี

น่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า ตามกรณีที่ประสบผลสําเร็จมากที่สุดในระดับโลกคือกรณีที่ George Soros ขายชอร์ตค่าเงินปอนด์ใน ตลาดหมี ในปี ค.ศ 1992 แล้วได้กําไร  2,000 ล้าน USD

และ สภาวะตลาดกระทิง ตลาดหมี เพื่อให้เข้าไป Long และ Short Set 50 Index Futures แล้วทํากําไรแบบ George Soros เกิดขึ้นบ่อยกว่า เช่นในฟองสบู่ดอดคอม และวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ ในอดีต เป็นต้น และฟองสบู่โลกแตกในอนาคตอันใกล้นี้

หมายเหตุ : โปรดติดตามการ Long และ Short Set 50 Index Futures ในระยะยาวได้ใน longtunbysak.blogspot.com 


ศักดิ์