เมื่อกล่าวถึงการวิเคราะห์ หุ้น และ Forex ทางด้านเทคนิค (technical analysis) ย่อมมีอินดิเคเตอร์เข้ามาเกี่ยวข้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การศึกษาการใช้งานอินดิเคเตอร์ต่างๆ ให้มาก เป็นพื้นฐานสำคัญที่ใช้ต่อยอดในการออกแบบระบบ เทรด หุ้น และ forex ที่เหมาะสมกับตนเองในอนาคต
ปัจจุบันนอกจากอินดิเคเตอร์ที่อยู่ในโปรแกรม เทรด หุ้น และ Forex (MT4) ยังมีอินดิเคเตอร์ใหม่ๆ ที่ถูกสร้างขึ้นในทุกๆ วัน ให้เลือกใช้ แต่โดยรวมแล้วมักมีลักษณะการใช้งานที่คล้ายๆกัน คือ ใช้ดูแนวโน้ม และรอบการกวัดแกว่งของกราฟราคา ส่วนตัวผมจึงแนะนำให้ใช้อินดิเคเตอร์พื้นฐานที่อยู่ในโปรแกรม MT4 มากกว่าที่จะไปสรรหาอินดิเคเตอร์ที่มีความแม่นยำสูงๆ ซึ่งมันไม่มีจริง มีเพียงที่เหมาะสมหรือถูกจังหวะกับสภาวะตลาด ณ ขณะนั้นมากกว่า เพราะเทรดเดอร์มืออาชีพก็ไม่ได้ใช้เครื่องมือพิสดารใดๆ ส่วนใหญ่ก็ใช้อินดิเคเตอร์มาตรฐานที่ติดมาพร้อมกับตัวโปรแกรม
หากเราเรียนรู้จนเกิดความชำนาญ ผมเป็นอีกหนึ่งเสียงที่รับรองว่าเราสามารถทำกำไรในตลาดได้อย่างแน่นอน ทีนี้เรามาดูกันว่า อินดิเคเตอร์ที่เทรดเดอร์นิยมใช้ วิเคราะห์ในการเล่น forex และหุ้นมีอะไรบ้าง
- MACD (Moving Average Convergence Divergence)
เป็น Indicator ที่นำลักษณะของกราฟเส้น Moving Average ที่ถูกสร้างขึ้นพร้อมๆ กัน 2 เส้นมาประยุกต์ใช้งาน เพื่อการวิเคราะห์ทางเทคนิคเช่น ความแข็งแรงของแนวโน้ม จุดกลับตัวของกราฟ จุด BreakOut เป็นต้น เรียกว่านำไปประยุกต์ใช้งานได้กว้างมากๆ ด้วยเหตุนี้ MACD จึงเป็นสุดยอด Indicator ที่ถูกยกให้เป็น King of Indicator ของการเทรด หุ้น และ forex
จากภาพเป็นตัวอย่างของการใช้ MACD วิเคราะห์ความแข็งแรงของแนวโน้ม โดยใช้ Zero Line เพื่อแบ่งโซนของ Trend กล่าวคือ เมื่อแท่งสีฟ้าอยู่ด้านบนแสดงถึงสภาวะตลาดกระทิง กลับกัน เมื่อแท่ง
สีฟ้าอยู่ด้านล่างแสดงถึงสภาวะตลาดหมี หากพิจารณาความสัมพันธ์ของกราฟราคาจากจุด A ไปยังจุด B กับ MACD เราสามารถเห็นแนวโน้มขาลงได้อย่างชัดเจน และจะมีความแรงมากเมื่อแท่งสีฟ้าตัดเส้นเคลื่อนที่สีแดงลงมาตามวงกลมสีเหลือง
- เส้น MA (Moving Average)
หากพูดกันถึงเรื่องแนวโน้ม เส้น MA สามารถทำให้เรามองเรื่อง Trend เป็นเรื่องที่ง่ายมาก จึงทำให้ MA เป็น Indicator ที่มีผู้นิยมมากที่สุด เพราะใช้งานได้ทุกสภาพตลาด อีกทั้งยังสามารถประยุกต์ใช้เพื่อเป็นจุดในการเข้าออเดอร์ได้อีกด้วย
จากภาพเป็นตัวอย่างของการใช้ระบบ เทรด ที่อาศัยเส้นแบบ EMA วิเคราะห์ทางแนวโน้ม และหาจุดเข้าออเดอร์ กล่าวคือ เส้นสีแดงคือเส้นที่ใช้บอกภาพรวมของกราฟราคาว่าตลาดมี Trend อย่างไร โดยตั้งแต่จุด A เป็นต้นไปกราฟราคายืนอยู่เหนือเส้นสีแดง หมายถึง ตลาดอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น ดังนั้นเราจะหาจังหวะการเข้าออเดอร์ BUY เพียงอย่างเดียว โดยหากเส้น EMA สีฟ้าตัดเส้น EMA สีเหลืองขึ้นไป ให้เปิดออเดอร์ BUY โดยทันที ซึ่งก็จะมีจุดเข้าออเดอร์สองจุดตามที่วงกลมไว้ในภาพ
- Stochastic Oscillator (STO)
เป็นอินดิเคเตอร์ที่ใช้วัด การเปลี่ยนทิศทางของ Momentum กราฟราคา อธิบายให้เข้าใจได้ง่ายๆ คือวัดรอบการขึ้น-ลงของกราฟ เพื่อหาจุดเข้าที่ได้เปรียบ สามารถใช้งานได้ดีทั้งสภาวะตลาดที่มีแนวโน้ม หรือยังไม่เกิดแนวโน้มที่ชัดเจน (Sideway) คลอบคลุมการวิเคราะห์ทางเทคนิคดังนี้
- Divergence การกลับตัวของ momentum
- บอกภาวะการซื้อหรือขายที่มากไป (Overbought – Oversold)
- บอกจุด ซื้อ-ขาย (Entry & Exit identification)
จากภาพเป็นตัวอย่างของการใช้งาน Stochastic ที่นิยมใช้คือการวิเคราะห์จุด ซื้อ-ขาย (Entry & Exit identification) โดยใช้เส้น level ค่า 80 และ 20 เมื่อเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ สีฟ้าและสีแดงตัดเส้น level 20 ลงมา หมายถึง คาดการณ์ว่าตลาดมีแรงขายเข้ามามากเกินไป ให้เตรียมตัว BUY กลับกัน เมื่อเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ สีฟ้าและสีแดงตัดเส้น level 80 ขึ้นไป หมายถึง คาดการณ์ว่าตลาดมีแรงซื้อเข้ามามากเกินไป ให้เตรียมตัว SELL ตามภาพ กราฟราคามีแนวโน้มขาขึ้น ให้เรารอจังหวะ Oversold จะได้จังหวะเตรียมตัวตามวงกลมเส้นประทั้ง 3 วง และเมื่อเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สีฟ้า ตัดเส้นสีแดงขึ้นไป ให้เปิดออเดอร์ BUY โดยทันที ส่วนจุดออกออเดอร์ให้รอ เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สีฟ้า ตัดเส้นสีแดงลงมา
- Draw Fibonacci retracement
ธรรมชาติของกราฟราคา ก่อนการเกิดแนวโน้มใหญ่ๆ หรือแม้กระทั่งการไปตามแนวโน้มเดิม มักจะมีการสวิงลงมาพักตัวเสมอ (Retracement) จึงมีการสร้างเครื่องมือที่มีพื้นฐานจากตัวเลขสัดส่วน Fibonacci มาคาดการณ์สภาวะการขึ้นลงดังกล่าว นั่นคือ Draw Fibonacci retracement นอกจากนี้ยังใช้เครื่องมือนี้ในการหาราคาเป้าหมายได้อีกด้วย
จากภาพเป็นตัวอย่างของการ Trade โดยใช้งาน Draw Fibonacci retracement เพื่อหาจุดพักตัว และราคาเป้าหมายในการเทรดแต่ละครั้ง จากภาพเมื่อกราฟราคาเคลื่อนมายังจุด B กราฟราคาเริ่มยักตัวขึ้น ให้ลาก Draw Fibonacci retracement จากจุดสูงสุดเดิมของกราฟ ไปยังจุดต่ำสุดใหม่ นั่นก็คือ จากจุด A ไปยังจุด B เราจะได้พื้นที่สีแดงระหว่างเส้น 38.2 ถึง 61.8 ที่คาดการว่ากราฟจะขึ้นมาพักตัว
และก็เป็นไปตามคาดกราฟขึ้นไปพักตัวบริเวณดังกล่าวแล้วหลุดโซนลงมาที่จุด C และตีทะลุเส้นแนวต้านเดิม ลงมาที่จุด D เราสามารถเปิดออเดอร์ SELL ได้ทั้งสองจุด โดยตั้ง TP ไว้ที่เส้น 161.8 เป็นต้น ซึ่งกรณีที่เป็น Trend ขาขึ้น ก็ใช้งานในลักษณะเดียวกันเพียงแต่กลับด้านนั่นเอง...
--------------------------------------------------------------------
ศึกษาข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ >>> https://forexthai.trade/