ห้องเม่าปีกเหล็ก

กลุ่มปิโตรเคมีฯ เช็คผลงานใครรอด-ร่วง

โดย หญิงแม้น
เผยแพร่ :
104 views

บทสรุปกำไร Q1 กลุ่มปิโตรเคมีฯ เช็คผลงานใครรอด-ร่วง

อุตสาหกรรมปิโตรเคมี ถือเป็นกลุ่มในอันดับต้นๆ ที่ได้รับปัจจัยกดดันมากมายในช่วงที่ผ่านมา ทั้งความไม่แน่นอนของสงครามการค้า และล่าสุด ระบาดของไวรัส COVID-19 ที่ทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ส่งผลต่อความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ปรับตัวลดลง


ทั้งนี้แม้การระบาดที่เกิดขึ้นของ COVID-19 หลายๆธุรกิจของกลุ่มปิโตรเคมีฯ ก็ได้รับผลกระทบที่แตกต่างกันออกไป แต่ในบางกลุ่มธุรกิจก็ยังถือว่าได้รับผลบวกด้วยเช่นกัน อย่างเช่น ธุรกิจแพคเกจจิ้ง ที่ยังมีความต้องการใช้เพิ่มขึ้นในสภาวะการ lockdown


ดังนั้นจึงเกิดคำถามว่า แท้จริงแล้ว ผลประกอบการช่วงไตรมาส 1/2563 ของบริษัทจดทะเทียนในตลาดหุ้น หมวดธุรกิจปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ จะเป็นอย่างไรกันบ้าง วันนี้ Wealthy Thai หาคำตอบมาให้นักลงทุนแล้ว ซึ่งหวังว่าจะเกิดประโยชน์ไม่มากก็น้อย


สำหรับหมวดธุรกิจปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ ในตลาดหุ้นมีทั้งหมด 18 หลักทรัพย์ พบว่า ไตรมาส 1/2563 รายงานกำไรสุทธิไปแล้วจำนวน 16 หลักทรัพย์ โดยในจำนวนนี้ BCT รอบงบไตรมาส 1 อยู่ระหว่างเดือน เม.ย.-มิย. ดังนั้นจึงขอไม่เอามารวมกัน นอกจากนี้ยังมีขอสิทธิผ่อนผันส่งมอบงบจำนวน 2 หลักทรัพย์ คือ CMAN และ YCI  


ดังนั้นหากคิดจากฐาน 15 หลักทรัพย์ พบว่ามีผลขาดทุนสุทธิรวม 6,626.17 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ  10,994.82 ล้านบาท โดยหลักๆ เป็นผลขาดทุนจาก PTTGC ที่รายงานผลขาดทุนสุทธิสูงถึง  8,784.12 ล้านบาท


โดยมีรายละเอียดในตารางดังนี้

หุ้นกลุ่มปิโตรเคมีที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคงหนีไม่พ้น PTTGC และ IVL แม้ผลงานไตรมาส 1 จะลดลงอย่างมาก แต่ มุมมองนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า กลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมี คาด Spread ปิโตรเคมีน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในเดือน เม.ย. โดยคาดไตรมาส 1/2563 น่าจะเป็นจุดต่ำสุดของปี 2563 จากนี้ไปน่าจะพลิกกลับมาเป็นกำไรได้ในทิศทางขาขึ้นช่วงที่เหลือของปี ยังคงเลือก IVL เป้าหมาย 37 บาท


สำหรับ GGC ที่มีกำไรสุทธิเติบโตมากสุดนั้น  นายวิทูร ซื่อวัฒนากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GGC เปิดเผยว่า  ส่วนหนึ่งมาจากความต้องการในตลาดเมทิลเอสเทอร์ที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยในไตรมาส 1/2563 บริษัทสามารถขายผลิตภัณฑ์เมทิลเอสเทอร์จำนวน 101,371 ตัน เพิ่มขึ้น 22,346 ตัน หรือคิดเป็น 28% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2562


ทั้งนี้แม้ว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19  จะทำให้ประชาชนเริ่มมีการเดินทางน้อยลง แต่จากการปรับอัตราส่วนผสมขั้นต่ำในไบโอดีเซลของรัฐบาลตามการประกาศให้น้ำมันดีเซลบี10 เป็นเชื้อเพลิงพื้นฐานของประเทศไทยแทนดีเซลบี7 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 รวมทั้งนโยบายการส่งเสริมเพื่อเร่งการขยายจำนวนสถานีบริการน้ำมันดีเซลบี10 ที่เพิ่มขึ้นเป็น 4,953 สถานี ณ วันที่ 31 มีนาคม 2563 ทำให้ความต้องการเมทิลเอสเทอร์ในไตรมาส 1/2563 ยังคงสูงกว่าในช่วงเดียวกันของปีก่อนอย่างมีนัยสำคัญ

 

 

PTTGC สภาพคล่องยังดี

นางสาวดวงกมล เศรษฐธนัง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินและบัญชี บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC เปิดเผยว่า ไตรมาส 1/2563 ผลประกอบการพลิกขาดทุนสุทธิ 8,784 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 6,442 ล้านบาท เนื่องจาก รายได้การขายที่ลดลง และมาร์จิ้นธุรกิจปิโตรเคมีลดลง รวมทั้งกับราคาน้ำมันดิบดูไบปรับลดลงมากในสิ้นไตรมาส ส่งผลให้ขาดทุนสต๊อกรวม 8,906 ล้านบาท และยังมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนอีก 2,193 ล้านบาทกระทบต่อผลประกอบการ


นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ได้สรุปประเด็นสำคัญประชุมนักวิเคราะห์ เป็นดังนี้ 1.ตั้งเป้าลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ลดลงให้ได้ 10% หรือ 1,000 ล้านบาท 2.สภาพคล่องยังดี มีการยืดอายุหนี้สินระยะยาวจาก 3 ปี ไปเป็น 7 ปี และต้นทุนการเงินลดลงจาก 3.5% เป็น 3.2%


3. ไตรมาส 2/2563 สามารถ run operating ได้ที่ระดับ 100% เพราะไม่มีสัดส่วนน้ำมันเบนซิน 4.ไตรมาส 2-3/2563 กลุ่ม Aromatic ยังดี demand จากการใช้ขวดพลาสติกยังสูง และเข้าสู่หน้าร้อนมีการบริโภคเพิ่ม 5.COVID-19 มีกระทบจำกัดต่อกลุ่มปิโตรเคมีของบริษัทเพราะปิโตรเคมีของบริษัทเน้นไปยังกลุ่มที่เป็น consumer และ packing


ดังนั้นมีมุมมองเป็นกลาง โดยมุมมองยังคงเป็นตามที่เราคาดไว้ ซึ่งเราชอบ PTTGC มากที่สุดเมื่อเทียบกับโรงกลั่นอื่นๆ เพราะการที่ไม่มีน้ำมันเบนซินทำให้บริษัทสามารถ run โรงกลั่นได้เต็มประสิทธิภาพมากกว่าโรงกลั่นอื่นๆ ที่ต้องลดการผลิตลง และธุรกิจปิโตรเคมีที่อยู่ในกลุ่ม consumer และ packing ซึ่งยังมีความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้นในสภาวะการ lockdown ยังแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 43.00 บาท

 

 

IVL กำไรดีกว่าคาด

นาย นายโซวิค รอย เชาว์ดูรี่ เลขานุการ บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL เปิดเผยว่า ไตรมาส 1/2563 บริษัทมีกำไรสุทธิ 570.72 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ  3,707.72 ล้านบาท  โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ จำกัด ระบุว่า  IVL พลิกกลับมามีกำไรสุทธิดังกล่าว เทียบกับไตรมาส 4/2562 ขาดทุนสุทธิ 1.5 พันล้านบาท  แต่ยังคงลดลง 85% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน


โดยกำไรสุทธิไตรมาส 1/2563 ดีกว่าตลาดคาด เนื่องจาก core EBITDA/t ปรับตัวดีขึ้น ขาดทุนจากสินค้าคงเหลือ 3.4 พันล้านบาท ก็ต่ำกว่าตัวเลขที่ผู้บริหารมองไว้ ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2563 จะถูกกดดันโดยผลกระทบตลอดทั้งไตรมาสของ COVID-19 ต่ออุปสงค์และกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลก เรามองว่าราคาหุ้นที่ฟื้นตัวขึ้นมาแล้ว 70% จากจุดต่ำสุดเมื่อไม่นานนี้ (หลังราคาน้ำมันร่วงลงแรงในเดือนมี.ค.) สะท้อนผลการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 1/2563 ไปเรียบร้อยแล้ว และปรับคำแนะนำสำหรับ IVL ลงจาก "ซื้อ" สู่ "Neutral" เพราะ upside สู่ราคาเป้าหมายของเราที่ 30 บาท ซึ่งอิงกับ PBV (ปี 2563) ที่ 1.3 เท่า มีจำกัด

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก


หญิงแม้น