บางครั้งบทเรียนชีวิตกับบทเรียนในตลาดหุ้นก็มีความคล้ายกัน ตรงที่ไม่โดนกับตัวเองคงไม่รู้สึก ใครเตือนก็ไม่เชื่อหรอก จนกว่าจะเจอด้วยตัวเอง และนี่คือบทความที่ผมเขียนเมื่อเดือนส.ค. ปีที่แล้ว ผมบอกเสมอว่า "อย่าติดกับดักหุ้นแพงโดยเด็ดขาด"
หุ้น P/E 30 เท่า น่าซื้อจริงหรือ ?
วันนี้ (2 ส.ค. 2559) อยากแชร์เรื่องหุ้นถูกหุ้นแพงหน่อยนะครับ เพราะวันนี้หุ้นหลายๆ ตัวขึ้นมามากจนผมรู้สึกว่าแพงเกินกว่ามูลค่าพื้นฐานไปมากแล้ว และมีหุ้นหลายๆ ตัวขึ้นมาซื้อขายที่ P/E สูงกว่า 30 เท่า บางตัวก็ปาเข้าไป 40 เท่า 50 เท่า ก็มี (P/E แพงไม่ได้หมายถึงพื้นฐานหุ้นไม่ดีนะครับ)
จึงเกิดคำถามว่าหุ้นที่มี P/E สูงขนาดนี้ยังน่าลงทุนอยู่หรือไม่ ?
คำตอบคงต้องแบ่งเป็น 2 แบบ คือ
1) จะลงทุนแบบเก็งกำไร หรือ
2) จะซื้อลงทุนแบบ VI
เพราะรูปแบบการลงทุนทั้ง 2 แบบไม่เหมือนกัน
1) หากเป็นนักลงทุนเก็งกำไร : นักลงทุนกลุ่มนี้จะสนใจราคามากกว่ามูลค่าพื้นฐาน ไม่ว่า P/E จะสูงขนาดไหนพวกเขาไม่สน ขอให้ราคามีโอกาสไปต่อด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม นักลงทุนกลุ่มนี้ก็จะยังคงลงทุน
แต่ผมมีข้อเตือนใจไว้นิดนึงว่าหุ้นที่มี P/E สูงมากกว่า 30 เท่านั้น ไม่ถือว่าถูกในเชิงพื้นฐาน และถือได้ว่าราคาหุ้นได้ขึ้นมาสะท้อนข่าวดีต่างๆ ไปมากพอควร ดังนั้นการเก็งกำไรไม่ควรติดหุ้นเหล่านี้เด็ดขาด (จริงๆ การเก็งกำไรไม่ควรติดหุ้นอยู่แล้ว เพียงแต่หุ้น P/E สูงๆ ต้องระวังมากเป็นพิเศษ)
ไม่ใช่พอราคาหุ้นลงมาก็ปลอบใจตัวเองว่าไม่เป็นไร เราเงินเย็นถือลงทุนเป็น VI ได้ คิดแบบนี้ไม่ได้นะครับ เพราะเก็งกำไรก็คือเก็งกำไร ต้องรู้จักคำว่าวินัย รู้จัก Cut loss หรือกำหนดจุด Trailing stop ให้เป็น เพราะผมเกรงว่าหากหมดข่าวดี ราคาหุ้น P/E สูงๆ เหล่านี้จะไม่กลับมาที่จุดเดิมอีกเลย เนื่องจากเรามาเก็งกำไรกันที่ P/E สูงมาก
2) หากเป็นนักลงทุนแนว VI : นักลงทุนกลุ่มนี้จะสนใจมูลค่าพื้นฐานมากกว่าราคาตลาด ซึ่งหากราคาหุ้นขึ้นมาซื้อขายกันที่ P/E สูงมากกว่า 30 เท่า จริงๆ คือดีนะครับ ดีสำหรับคนที่ถือหุ้นตอนราคาต่ำๆ แต่หากจะให้ VI ลงทุนเพิ่มคงต้องคิดหนัก เพราะการขึ้นมาซื้อขายที่ P/E สูงๆ นั้น แสดงว่านักลงทุนคาดหวังว่าการเติบโตของกำไรที่ต้องสูงตามไปด้วย เพื่อให้ P/E ในอนาคตลดลง ซึ่งหากกำไรออกมาสูงตามที่คาดก็ไม่เป็นไร ราคาคงสูงขึ้นได้อีก
แต่ขอบอกก่อนนะครับว่าการขึ้นมาซื้อขายที่ P/E สูงๆ นั้น นักลงทุนมีความคาดหวังสูงมาก ความผิดหวังเกิดขึ้นเมื่อไร ราคาหุ้นจะปรับลงแรง เช่นกรณีของ BH ซึ่งเป็นหุ้นพื้นฐานดีนะ แต่ถูกคาดหวังไว้สูงมาก และขึ้นมาซื้อขายกันที่ P/E 35 เท่า แต่พอกำไรออกมาต่ำกว่าที่คาด ราคาลงแรงเลย และแรงมากด้วย
ดังนั้นคนที่เป็น VI ส่วนใหญ่เขาจะไม่ลงทุนในหุ้นที่แม้พื้นฐานจะดี แต่หาก P/E ขึ้นมาสูงๆ เขาขอรอจังหวะเข้าลงทุนดีกว่าที่จะไล่ตามราคาหุ้นขึ้นไป ตกรถก็ไม่เป็นไร เพราะ VI รอรถย้อนกลับมาได้ แม้ว่าอาจใช้เวลานานก็ตาม เพราะพวก VI เชื่อว่าวิกฤติเศรษฐกิจเกิดขึ้นได้เสมอ เพียงแต่มาเมื่อไรเท่านั้นเอง แล้วจะซื้อที่ราคาไหน ต้องศึกษาเพิ่มเติมกันนะเหล่า VI ทั้งหลาย
ตอนนี้มีหุ้นที่ซื้อขายกันที่ P/E มากกว่า 30 เท่าหลายตัวมาก เท่าที่ผมรวบรวมได้จากที่บล.กสิกรไทย ทำบทวิเคราะห์อยู่ (ณ วันที่ 2 ส.ค. 2559) ก็มี TKN (P/E 40 เท่า) BEAUTY (47 เท่า) COM7 (33 เท่า) KAMART (36 เท่า) PTG (38 เท่า) GL (58 เท่า) BDMS (37 เท่า) BH (37 เท่า) BCH (44 เท่า) CHG (50 เท่า) RS (42 เท่า) VGI (67 เท่า) WORK (39 เท่า) BEM (41 เท่า) ERW (43 เท่า) CKP (50 เท่า)
โดยหุ้นกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ถูกคาดหวังว่ากำไรอีก 2 ปีข้างหน้าโตมากกว่า 40% กันทั้งนั้น เมื่อความคาดหวังสูง ระวังจะผิดหวังด้วย แต่ขอย้ำผมไม่ได้มองหุ้นเหล่านี้พื้นฐานไม่ดีนะครับ อย่าเข้าใจผิด
ลงทุนอย่างมีความสุขครับ
ที่มา : กวี ชูกิจเกษม