คําประดิษฐ์ประดอยที่สวยหรูงดงาม แต่ทําไม่ได้! :
คําว่า " คําประดิษฐ์ประดอยที่สวยหรูงดงาม " นั้นผู้โพสต์หมายถึงคําพูดที่เสกสรรค์ปั้นแต่งขึ้นมา แล้วทําให้ผู้คนทั่วไปที่ไม่รู้เรื่อง " หลงใหล เคลิบเคลิ้ม " ทั้งๆที่โดยข้อเท็จจริงแล้ว " เป็นสิ่งที่ทําไม่ได้ " ยกตัวอย่าง ดังนี้ คือ :
1) " ระบบสังคมนิยม " เป็นระบบที่สวยหรูงดงามในจินตนาการเพราะเป็นระบบที่ทําให้มนุษย์ทุกคนเท่าเทียมกัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว " ทําไม่ได้ " เพราะเป็นระบบที่ผิดธรรมชาติของมนุษย์ จึงทําให้เกิดความล้มเหลวของระบบนี้จากการนําไปปฏิบัติจริงในสหภาพโซเวียต และจีนในอดีต เป็นต้น
2) " สิ่งแวดล้อม " เป็นสิ่งที่สวยงามแต่ " กินไม่ได้ " เช่นการขึ้นภาษีนํ้ามันเพื่อนํามาทํานโยบายสิ่งแวดล้อมที่สวยหรูของประธานาธิบดีมาครงของฝรั่งเศษ แต่ก็ถูกประท้วงโดยกลุ่มเสื้อกั๊กเหลืองเพราะเป็นการไปเพิ่มต้นทุนค่าครองชีพให้กับชนชั้นกลางถึงล่างในฝรั่งเศษ และสุดท้ายประธานาธิบดีมาครงของฝรั่งเศษก็ยอมแพ้ และยกเลิกนโยบายนี้ไป เป็นต้น
3) ในแง่การลงทุนก็เหมือนกัน นอกจากการลงทุนแบบที่นักวิแคระฯกล่าวถึงกันอยู่บ่อยๆ เช่น " บลูชิพ " บ้าง " พื้นฐาน " บ้าง " Value " บ้าง และ " Growth " บ้าง เป็นต้น ตามการลงทุนแบบกระแสหลักของ Benjamin Graham, Warren Buffett และ Philip A. Fisher ที่จะให้ผลตอบแทนที่ดีเท่านั้น แต่การ Long Derivatives ใน สภาวะตลาดกระทิง และ การ Short Derivatives ใน ตลาดหมี ตามกระแสรองของ George Soros และ Jim Rogers ก็ให้ผลตอบแทนที่ดี เช่นเดียวกัน และเผลอๆ อาจจะให้ผลตอบแทนที่มากกว่าด้วยซํ้าไป โดยจะยกตัวอย่างดังนี้ คือ :
1) " พวกหมดตูด "
1.1) Set Index = -7.29%
1.2) PTT = -20.59%
1.3) AOT = -7.72%
1.4) CPALL = -3.89%
1.5) ADVANC = -0.93%
1.6) SCC = -16.67%
1.7) PTTEP = -11.55%
1.8) KBANK = -28.78%
1.9) SCB = -16.13%
1.10) BBL = -14.52%
1.11) PTTGC = -41.90%
1.12) ค่าเฉลี่ย " พวกหมดตูด " ทั้ง 11 ตัว = -15.47%
2) " พวกรวยเละ "
2.1) ผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้น STEC และ การ Long และ Short Set 50 Derivatives = +197.05% ในช่วงเวลาเดียวกัน
กล่าวโดยสรุป ก็คือ " พวกรวยเละ " ให้ผลตอบแทนมากกว่า " พวกหมดตูด " โดยเฉลี่ย = +197.05% - ( -15.47% ) = +212.52%
และ ถ้าจะเปรียบเทียบกับพอร์ตของ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ซึ่งเป็นนักลงทุนแนว Value และ Growth ที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศไทย ก็ปรากฏผลดังนี้ คือ :
1) ปี พ.ศ 2561 :
1.1) พอร์ตของ ดร. นิเวศน์ = -9.90%
1.2) การลงทุนในหุ้น STEC = +19.30%
2) ปี พ.ศ 2562 :
2.1) พอร์ตของ ดร. นิเวศน์ = +25.82% ( โดยใช้ตัวแทนคือหุ้น CPALL )
2.2) การลงทุนในหุ้น STEC และ Long และ Short Set 50 Derivatives = +177.75%
เพราะฉะนั้น กําไรสะสมรวมในปี พ.ศ 2561 - 2562 ของ " พวกรวยเละ " มากกกว่า " พอร์ต ดร.นิเวศน์ " = - ( - 9.90% ) +19.30% - 25.82% +177.75% = +181.13%
หมายเหตุ : 1) ที่มาจาก ( www.settrade.com ) และเป็นข้อมูลตั้งแต่ครึ่งแรกของปี พ.ศ 2561 ถึงวันที่ 26 กรกฎาคม ปี พ.ศ 2562
2)โปรดสังเกตุว่า " พวกที่ใช้คําประดิษฐ์ประดอยที่สวยหรูงดงาม แต่ทําไม่ได้! เพราะผลตอบแทนติดลบหรือถ้าบวกก็บวกน้อย " นั้นเป็นพวกที่นักวิแคระฯให้นํ้าหนักว่าเป็นหุ้น " บลูชิพ " บ้าง " พื้นฐาน " บ้าง " Value " บ้าง " Growth " บ้าง หรือแล้วแต่จะเรียกให้สวยหรูงดงามและทําให้คนที่ไม่รู้เรื่อง " หลง งงงวย " ในความวิเศษวิโส และความอัศจรรย์ของคําพวกนี้ ส่วน " พวกที่ขี้เหร่ แต่ทําได้เพราะผลตอบแทนเป็นบวกและบวกมากด้วย " นั้นเป็นพวกที่นักวิแคระฯให้นํ้าหนักว่าเป็นพวก " กะเลวกะราด " บ้าง " พนันขันต่อ " บ้าง เป็นต้น
3) โปรดติดตามการ Long และ Short Set 50 Derivatives ในระยะยาวได้ใน longtunbysak.blogspot.com และ Group Facebook