ตามที่เคยเรียนให้ทราบในโพสต์ก่อนๆ คําว่า Long เป็นภาษาในตลาดอนุพันธ์แปลอย่างง่ายๆว่า ซื้อ ส่วน Short หรือ ชอร์ต แปลว่า ขาย
การขายชอร์ต คือ การทํากําไรขาลงในช่วงตลาดหมี แปลว่า ขายออกไปก่อนแล้วซื้อคืนที่หลัง โดยการยืมหุ้นผ่านขบวนการ SLB แต่ในความเป็นจริงแล้ว นักลงทุนก็เพียงแต่เปิดสถานะ ชอร์ตแล้วถ้าตลาดเป็นขาลงจริง ก็แค่ปิดสถานะชอร์ต ก็ทํากําไรได้
ตามสถิติในอดีต ตลาดกระทิงจะกินเวลายาวนานกว่าตลาดหมีประมาณ 4-5 เท่าตัว ยกตัวอย่างเช่น ในตลาดหมีขาลงเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม ปี พ.ศ 2550 ที่ Set Index ที่ 915 จุด แล้วลงมาตํ่าสุดที่ 380 จุด เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน ปี 2551 ซึ่งกินเวลาเพียง 1 ปี เศษๆ ถ้าเราชอร์ต Set 50 Index Futures ในช่วงเวลาดังกล่าว เราก็จะได้ผลตอบแทนที่ดีมาก
ในขณะเดียวกัน ในตลาดกระทิงขาขึ้นเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน ปี พ.ศ 2551 ที่ Set Index ที่ 380 จุด แล้วขึ้นมาทําจุดสูงสุดที่ 1,649 จุด วันที่ 24 พฤษภาคม ปี พ.ศ 2556 ซึ่งกินเวลานานเกือบ 5 ปี ถ้าเรา Long Set 50 Index Futures ในช่วงเวลาดังกล่าว เราก็จะได้ผลตอบแทนที่ดีมากๆเช่นเดียวกัน
การขายชอร์ตที่ประสบผลสําเร็จมากที่สุดในโลกเกิดขึ้น 2 ครั้ง คือ :
1) George Soros ชอร์ตค่าเงิน Pound เมื่อ ปี ค.ศ 1992 แล้วได้กําไร 2,000 ล้าน USD
2) John Paulson ชอร์ต Subprime Assets ใน ปี ค.ศ 2007 แล้วได้กําไร 15,000 ล้าน USD
ในปัจจุบัน อนุพันธ์ที่มีการซื้อขายสูงที่สุดในโลก คือ KOSPI 200 Options ใน Korea Futures Exchange ในประเทศเกาหลีใต้ สาเหตูเนื่องมาจากสํญญาดังกล่าวนี้ถูกกําหนดให้มีขนาดใหญ่มาก โดยมีขนาดเท่ากับ KRW 100,000 คูณ มูลค่าดัชนี
ในอนาคต Set 50 Index Options ในประเทศไทย น่าจะมีสภาพคล่องมากขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นไปในทิศทางเดียวกับในประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งทําใหนักลงทุนมีทางเลือกมากขึ้นทั้งในแง่ การประกันความเสี่ยง ( Hedging ) หรือ การเก็งกำไร ( Speculating )
หมายเหตุ : โปรดติดตามรายละเอียดการลงทุนใน วัฏจักรธุรกิจรับเหมาก่อสร้างขาขึ้นรอบใหญ่ได้ใน longtunbysak.blogspot.com