‘รายใหญ่’รอจังหวะช้อปหุ้น

“นักลงทุนรายใหญ่”  ชี้ จังหวะช้อปหุ้นไทย หลังดัชนี หลุด 1,200 จุด “โจ ลูกอีสาน” เผย เข้าซื้อหุ้นพื้นฐานดีเกือบเต็มพอร์ตแล้ว “นิเวศน์”  คาดดัชนีมีโอกาสลงต่อ ตุนเงินสดไว้ 10% ของพอร์ต เตรียมซื้อเพิ่ม ด้าน“เสี่ยป๋อง”รอจังหวะเก็บหุ้นมอง1,150จุดน่าลงทุน

ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้(27ต.ค.)ปรับตัวลดตั้งแต่เปิดตลาด โดยทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,197.74 จุด  ลดลง 10.23 จุด   ก่อนจะรีบาวด์ในช่วงบ่ายและพลิกกลับมาปิดตลาดที่ 1,208.95 จุด เพิ่มขึ้น 0.98 จุด หรือ 0.08% มูลค่าซื้อขาย 45,732.01 ล้านบาท

นายอนุรักษ์ บุญแสวง หรือ “โจ ลูกอีสาน” นักลงทุนรายใหญ่สายการลงทุนแนวเน้นคุณค่า (VI) เปิดเผยว่า สำหรับสถานการณ์ที่ตลาดหุ้นไทย (SET INDEX) ปรับตัวลดลงต่ำกว่าระดับ 1,200 จุด วานนี้  (27ต.ค.2563)นั้น ส่วนตัวถือเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าลงทุนหรือเลือกซื้อหุ้นเพิ่มโดยเฉพาะนักลงทุนที่มีเงินสดเตรียมไว้ในมืออยู่แล้ว เพราะเป็นโอกาสในการช้อนซื้อหุ้นพื้นฐานดีที่มีราคาถูก ส่วนด้านนักลงทุนที่มีหุ้นอยู่ในพอร์ตอยู่แล้วและไม่มีเงินสดถือไว้แนะนำว่าสิ่งที่ไม่ควรทำคือการขายหุ้นทิ้ง เพราะการเลือกขายตัดขาดทุน (คัทลอส) ตอนนี้คงสายไปเสียแล้วและมีโอกาสเจ็บตัวหนักแน่นอน

ทั้งนี้เชื่อว่าระดับดัชนีหุ้นไทยที่บริเวณ 1,200 จุด ถือว่าเป็นจุดที่ราคาหุ้นถูกมากแล้ว จากเดิมที่เคยขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่บริเวณ 1,800 จุด และยังมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในด้านผลตอบแทนจากการลงทุนสูง เนื่องจากจะมีหุ้นหลายตัวที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงออกมาให้นักลงทุนได้เลือกซื้อเพิ่มมากขึ้น จึงอยากแนะนำให้นักลงทุนเลือกซื้อเป็นรายตัวไป อย่างไรก็ตามสถานการณ์การลงทุนในช่วงนี้ก็ขึ้นอยู่กับผู้ลงทุนว่าจะกล้าซื้อในช่วงนี้หรือไม่ เพราะคนส่วนใหญ่ยังไม่กล้าเข้าลงทุนมากนัก เพราะมองว่าปัจจัยลบที่กดดันตลาดยังคงอยู่ แต่หากรอจนกว่าสถานการณ์จะชัดเจนหรือคลี่คลายลงไปก็คงไม่ทันแล้ว

นายอนุรักษ์ กล่าวต่อว่า ขณะที่ปัจจุบันตนเองได้เพิ่มน้ำหนักสัดส่วนการถือหุ้นเป็นส่วนใหญ่และได้ซื้อหุ้นเข้ามาจนเกือบเต็มพอร์ต 100% แล้ว เพราะมองว่าจังหวะนี้ก็ถือเป็นโอกาสที่ดีในการช้อนหุ้นดีราคาถูก

ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุนรายใหญ่ในตลาดหุ้นและผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนแนวเน้นคุณค่า (VI) กล่าวว่า ดูจากภาพรวมตลาดปัจจุบันพบว่ามีหุ้นที่น่าสนใจลงทุนในระยะยาวที่สามารถเข้าลงทุนได้ตอนนี้มีจำนวนไม่น้อย เพราะราคาหุ้นที่ลดลงมาเยอะก็คุ้มค่าที่จะเข้าไปลงทุน แต่หากในส่วนของกลยุทธ์ระยะสั้นๆอาจต้องรอดูงบไตรมาส 3 ปี2563 ออกมาให้ครบก่อน เพราะจะได้รู้พื้นฐานว่ามีหุ้นตัวไหนบ้างที่จะมีทิศทางเป็นอย่างไร

ทั้งนี้มองว่าดัชนีฯแถวระดับ 1,200 จุดนั้น ถือว่าเป็นจุดน่าลงทุนระดับกลางๆ เพราะปัจจุบันมองว่าหุ้นในตลาดก็มีทั้งกลุ่มที่ราคาถูกและราคาแพงจนเกินไป ซึ่งคนส่วนใหญ่มักเลือกเข้าไปลงทุนหุ้นที่แพง เนื่องจากมีการเก็งกำไรกันค่อนข้างมากราคาก็เลยแพงเกินไป ซึ่งหากราคาหุ้นร่วงลงมาก็ถือว่าอันตราย ขณะที่หุ้นที่ถูกเกินไปส่วนใหญ่ยังไม่มีสตอรี่ที่ขับเคลื่อนได้นักลงทุนเลยไม่กล้าซื้อมากนัก

อย่างไรก็ตามเชื่อว่ามีโอกาสที่ดัชนีฯจะปรับตัวลดลงต่ำกว่านี้อีกแน่นอน ซึ่งในส่วนของตนเองก็ถือเงินสดไว้ประมาณ 10% ของพอร์ตเพื่อเตรียมเข้าซื้อหุ้นเพิ่มเติม ซึ่งยอมรับว่าในปัจจุบันมีหุ้นที่กำลังมองหาจังหวะเข้าซื้ออยู่และมีหุ้นหลายตัวราคาถูกมากเกินไปแล้ว แต่ยังขอรอดูสถานการณ์อีกนิด

“ตอนนี้ตลาดหุ้นบ้านเราตกมากกว่าคนอื่นๆ ซึ่งหลายตลาดเขาปรับตัวขึ้นไปกันหมดแล้ว แต่เนื่องจากพื้นฐานหุ้นบ้านเราที่ยังแย่กว่าเขาที่ยังมีเรื่องแรงกดดันจากสถานการณ์การเมืองในประเทศ ซึ่งตอนนี้ค่อนข้างเหนื่อยและวุ่นวาย จึงทำให้มุมมองต่างชาติไม่ค่อยจะสู้ดีและต้องระวังโดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่ เพราะหากเขามองไม่ดีก็อาจถูกเทขายโดยไม่สนใจพื้นฐานได้ จึงเป็นเหตุให้ปัจจุบันหุ้นขนาดใหญ่ขยับไปไหนไม่ได้เลย เพราะต่างชาติจ้องขายเป็นหลัก”

นายวัชระ แก้วสว่าง หรือ เสี่ยป๋อง นักลงทุนรายใหญ่ กล่าวว่า  ซึ่งแม้ดัชนีปรับตัวลงมาอยู่ระดับ 1,200 จุด และมีการหลุด1,200 จุด บางช่วง แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าถึงจุดต่ำสุด(bottom)หรือยัง เพราะยังมีปัจจัยลบกดดันอยู่โดยเฉพาะปัจจัยการชุมนุมทางการเมืองในประเทศ  ที่กังวลว่าจะเกิดความรุนแรงเกิดขึ้น  การแพร่ระบาดของโควิด-19หนักในต่างประเทศ  ฯลฯ

 สำหรับตอนนี้ส่วนตัวรอจังหวะในการเข้าซื้อหุ้นเพิ่ม เพราะ เดือนที่ผ่านมาเพิ่งเข้าไปซื้อ ซึ่งปัจจุบันส่วนตัวมีหุ้นในพอร์ตประมาณกว่า 10 ตัว คิดเป็น 30%ของพอร์ต ซึ่งยังเหลือเงินสดประมาณ 70% ส่วนจะซื้อเพิ่มเมื่อไหร่นั้นต้องรอดูว่าแรงขายจะหมดหรือยัง ซึ่งมองว่าจุดน่าสนใจเข้าซื้อ1,150 จุด  แต่ต้องเลือกลงทุนเป็นรายตัวไป มีพื้นฐานดี เน้นหุ้นที่ไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยการเมืองในประเทศ 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก