ห้องเม่าปีกเหล็ก

CONAN กับเศรษฐศาสตร์แห่งการไขคดี

โดย อิคคิวซัง
เผยแพร่ :
18 views

CONAN กับเศรษฐศาสตร์แห่งการไขคดี

ผ่านแว่นขยายของยอดนักสืบจิ๋ว

เรื่องราวของคุโด้ ชินอิจิ นักสืบวัยรุ่นผู้มากฝีมือที่ถูกกลุ่มชายชุดดำวางยา

จนต้องจำใจอาศัยอยู่ในร่าง “โคนัน”

ทำให้การสืบสวนทุกคดีต้องพึ่งเหตุผล

การแยกแยะข้อมูล และการสังเกตที่เฉียบคมอย่างยิ่ง

ความสามารถเหล่านี้ ไม่ได้เป็นเพียงทักษะของนักสืบเท่านั้น

แต่ยังคล้ายกับการทำงานของนักเศรษฐศาสตร์

ที่ต้องวิเคราะห์โลกที่เต็มไปด้วยตัวแปรซ่อนเร้น

 

Ceteris Paribus ตัดสิ่งที่ไม่สำคัญออก เพื่อมองหาความจริง

“ถ้าตัดสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ออกไป สิ่งที่เหลืออยู่ แม้จะไม่น่าเชื่อแค่ไหนก็ตาม แต่มันก็คือความจริง”

ตรรกะประจำตัวของโคนัน สอดรับกับหลัก Ceteris Paribus ของเศรษฐศาสตร์

ที่ให้ “ปัจจัยอื่นคงที่” เพื่อจับความสัมพันธ์ที่แท้จริงระหว่างตัวแปร

เช่น การดูผลของ ราคา ต่อ ความต้องการ

หากไม่ตัดสิ่งรบกวนออก การวิเคราะห์ก็จะถูกกลบด้วย noise

คล้ายการสืบคดีที่หากไม่ตัดตัวเลือกที่เป็นไปไม่ได้

ก็ไม่มีทางเห็นเส้นทางสู่ความจริง

บริบทไทยก็เช่นกัน หลายครั้งนโยบายเศรษฐกิจถูกวิจารณ์ว่า “ไม่เห็นผล”

ทั้งที่แท้จริงปัจจัยอื่นแทรกอยู่เต็มไปหมด

การวิเคราะห์แบบตัดตัวแปรจึงสำคัญไม่แพ้การไขคดี

 

Moral Hazard: คนร้ายที่แฝงตัว

เมื่อโคนันพูดว่า “คนร้ายอยู่ในหมู่เรานี่แหละ”

วลีที่โคนันมักใช้เมื่อเริ่มจำกัดวงผู้ต้องสงสัย

มันชวนให้นึกถึง Moral Hazard—สถานการณ์ที่คนเลือกเสี่ยง เพราะเชื่อว่าจะไม่ต้องรับผลกระทบ

ในองค์กรบางแห่ง คนอาจกล้าทำผิดเพราะคิดว่า

“บริษัทรับผิดแทน” หรือ “คงไม่ถึงตัวฉัน”

ไม่ต่างจากคนร้ายในเรื่องที่เนียนลอยตัวไปในกลุ่มผู้บริสุทธิ์

ในโลกจริง ปัญหาเช่นนี้พบได้บ่อยในระบบสาธารณสุข การเงิน หรือภาครัฐ

หากไม่มีระบบตรวจสอบที่ดี ความเสี่ยงก็ยิ่งสะสม

เหมือนคดีที่ยังไม่เปิดเผยตัวคนทำผิด

 

Asymmetric Information: นักสืบจิ๋วที่ถูกประเมินต่ำไป

โคนันในร่างเด็กคือภาพชัดของ Asymmetric Information

ข้อมูลระหว่างสองฝ่ายไม่เท่ากัน

เหมือนที่ทุกคนมองข้าม “เด็กตัวเล็ก” คนหนึ่ง

โดยไม่รู้ว่าเขาคือนักสืบอัจฉริยะ

ปรากฏการณ์นี้เกิดในตลาดไทยบ่อยเช่นกัน

เช่น ตลาดแรงงานที่คนทำงานมีความสามารถสูง

แต่โปรไฟล์บนกระดาษไม่สะท้อนของจริง

หรือในตลาดรถยนต์มือสองที่ผู้ซื้อประเมินคุณภาพไม่ออก

จนเกิด “Lemon Market”

 

Rational Choice Theory: เมื่อแรงจูงใจผลักให้ก้าวพลาด

ทฤษฎีนี้บอกว่า มนุษย์ตัดสินใจบนพื้นฐานของประโยชน์และต้นทุน

คนร้ายจำนวนมากลงมือเพราะ “คิดว่า”

ประโยชน์มากกว่าความเสี่ยง—เงิน ชื่อเสียง การแก้แค้น

ก่อให้เกิดแรงจูงใจในการลงมือ เพราะคิดว่า “สมเหตุสมผล” ที่จะทำ

แต่ในความเป็นจริง มนุษย์ไม่ได้มีเหตุผลสมบูรณ์

การตัดสินใจจึงแทรกด้วยอารมณ์

ความโกรธ การหลงเชื่อ หรืออคติ จนทำให้ทิ้งร่องรอยไว้เสมอ

เศรษฐศาสตร์พฤติกรรมในไทยก็ชี้ว่า

ผู้บริโภคจำนวนมากไม่ได้ซื้อสินค้าด้วยเหตุผลล้วน

แต่ด้วยแรงโน้มถ่วงของความเคยชินหรือกระแสสังคม

ไม่ต่างจากคนร้ายที่คิดว่าตัวเอง “วางแผนดีแล้ว”

แต่พลาดเพราะความเป็นมนุษย์

 

Scarcity & Allocation: เมื่อทรัพยากรตำรวจก็มีจำกัด

ในโลกของโคนัน การสืบสวนต้องจัดสรรทรัพยากรอย่างรอบคอบ

ไม่ว่าจะเป็น เวลา ข้อมูล กำลังคน งบประมาณ ล้วนเป็นของมีจำกัด

การตัดสินใจว่าคดีใดสำคัญกว่า หรือใครเหมาะกับงานใด คือหัวใจของงานตำรวจ

เศรษฐศาสตร์ก็เหมือนกัน ทรัพยากรมีจำกัดเสมอ

ในบริบทไทย การจัดสรรงบประมาณแผ่นดิน

การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน หรือการวางลำดับน้ำหนักนโยบาย

ล้วนเป็นการแก้ปัญหาแบบเดียวกับตำรวจที่ต้องเลือกว่าจะทุ่มกำลังให้คดีไหนก่อน

 

สุดท้าย…เศรษฐศาสตร์ก็เหมือนการสืบสวน

ทั้งสองศาสตร์ต่างพยายามค้นหา “ความจริง” ในระบบที่ซับซ้อน

ต้องตัดตัวแปรที่รบกวน แยกข้อมูลจริงจากข้อมูลลวง

และมองหาแรงจูงใจของผู้เล่นแต่ละฝ่าย

ไม่ว่าจะเป็นคดีฆาตกรรม หรือเศรษฐกิจประเทศ

หลักคิดคล้ายกันมากกว่าที่เราคิด

เพราะบางครั้ง การมองเศรษฐกิจให้ทะลุ

ต้องใช้สายตาแบบนักสืบพอ ๆ กับการมองผ่านกราฟตัวเลข

“ความจริงเพียงหนึ่งเดียว” อาจไม่ใช่แค่คำพูดของโคนัน

แต่คือเป้าหมายของทั้งเศรษฐศาสตร์และการไขปริศนาของโลกใบนี้เช่นกัน

.

เรื่องและภาพ: สราลี วงษ์เงิน Economist, Bnomics

════════════════

 

 

 

เนื้อหาที่มา..  Bnomics by Bangkok Bank


อิคคิวซัง