ช่างเอาใจยากยิ่งนัก !!!!
ระเนระนาดกันอีกรอบ

ปกติแล้ว เราไม่ค่อยได้เห็น Dow Jones ติดลบระหว่างวันมากกว่า -1,300 จุด
ครั้งที่แล้วที่เกิดขึ้น ก็เมื่อ 2 ปีที่แล้ว
แต่เมื่อวานนี้ หลังจากข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐประกาศออกมา
ตลาดต่างๆ ก็ปรับตัว
Bitcoin -10.0% หรือ -2,250 ดอลลาร์ ลงมาอยู่ที่ 20,150 ดอลลาร์/เหรียญ
Nasdaq -5.2% หรือ -633 จุด
Dow -3.9% หรือ -1,276 จุด
ทองคำลดลงมาต่ำกว่า 1,700 ดอลลาร์/ออนซ์
ค่าเงินสกุลต่างๆ อ่อนยวบ
ทั้ง ยูโร เยน ปอนด์ ดอลลาร์แคนาดา ดอลลาร์ออสเตรเลีย ดอลลาร์นิวซีแลนด์ ….
บางสกุลเงินอ่อนค่าลง -2% ในข้ามคืนเดียว
ขณะที่ ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนลงไปแตะ 107.7 ก่อนรายงานดังกล่าวออกมา
ล่าสุด กลับไปที่ใกล้ๆ 110 อีกรอบ
ความผันผวนทั้งหมดนี้ เป็นเพราะข้อมูลเงินเฟ้อที่ออกมา เพียงอย่างเดียว
ส่วนที่บอกว่า “ช่างเอาใจยากยิ่งนัก” ก็เพราะ
ข้อมูลเงินเฟ้อที่ออกมานั้น โดยรวมแล้ว ถือว่าเป็น “ข่าวดี”
ลดจาก 8.5% มา 8.3%
แม้จะดื้อแพ่ง ไม่ยอมลงมามาก อย่างที่คาดกันไว้ที่ 8.1%
ทำให้ตลาดไม่ชอบใจ คิดว่า ดีไม่พอ
จึงร่วมใจกันเทสินทรัพย์ต่างๆ อีกรอบ
แต่จากมุมมองนักเศรษฐศาสตร์ ต้องบอกว่าการปรับตัวของเงินเฟ้อสหรัฐ
กำลังเป็นไปในทิศทางที่เรียกว่า “Right Direction”
ลงต่อเนื่อง ไม่เพิ่มขึ้นไปเหมือนกรณียุโรป
นอกจากนี้ เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า
เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นแค่ 0.1%
ไม่ใช่ 1.0-1.3% เช่นในช่วงพฤษภาคม-มิถุนายน
จากการลดลงของราคาน้ำมันที่ปั๊มในสหรัฐ โดยเฉพาะ Gasoline ที่ลดลง -10.6% และ Fuel Oil -5.9% เข้ามาช่วย
จะมีก็เพียง เงินเฟ้อพื้นฐาน (Core Inflation) ที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 5.9% มาที่ 6.3% (YoY)
และเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า เพิ่มขึ้นที่ +0.6%
จากการเพิ่มขึ้นของราคาในหมวดรถยนต์ใหม่ (+0.8%) ที่อยู่อาศัย (+0.7%) และบริการการแพทย์ (+0.8%)
แต่เมื่อดูโดยละเอียดแล้ว ต้องบอกว่า การเพิ่มขึ้นของเดือนล่าสุด ใกล้เคียงกับช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม ซึ่งเพิ่มขึ้นประมาณ +0.6-0.7%
ไม่น่ากังวลใจมาก เพราะหมวดที่เป็นตัวดึงขึ้นเหล่านี้ เมื่อเศรษฐกิจชะลอลง ก็จะไม่เพิ่มในอัตรานี้
นอกจากนี้ โดยปกติแล้ว การปรับตัวของเงินเฟ้อ จะเริ่มที่ Headline Inflation ก่อน
พอเงินเฟ้อตัวรวมลงมาระยะหนึ่ง
เงินเฟ้อพื้นฐาน (Core Inflation) ก็จะค่อยๆ ดีขึ้นตามในช่วงต่อไป
จึงกล่าวได้ว่า ตัวเลขเงินเฟ้อเมื่อคืนนี้ ถือว่า “เป็นข่าวดี”
ช่วยย้ำว่า เงินเฟ้อน่าจะ Peak ในช่วงปลายปีนี้ ตามที่คาดกันไว้
แต่ที่ตลาดลงมาระเนระนาดอีกรอบ
ปัญหาอยู่ที่นักลงทุน
“คาดไว้ผิด”
พยายามเดาทางเฟด ว่าเฟดคงจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยแรง
ปลอบใจกัน พยายาม Convince กันเองว่า
ถ้าเงินเฟ้อ “ลงมาเร็ว”
เฟดก็จะขึ้นดอกเบี้ยไป 4% นิดๆ แล้วก็จะจบรอบ
ครั้นพอเห็นเงินเฟ้อดื้อแพ่ง ลงมาช้าๆ
ก็เลย “กลัวใจเฟด”
กลัวว่าเฟดจะต้องใช้ยาแรง ขึ้นดอกเบี้ยไปอีก มากกว่าที่ตลาดคาดไว้
ทำให้ที่ตลาดเคยคิดกันว่า “ปลอดภัยแล้ว ลงทุนได้แล้ว”
อาจจะไม่จริง
ทำให้นักลงทุนต้องแย่งกันออกอีกรอบ
ซึ่งในช่วงต่อไป เรื่องในลักษณะนี้ คงเกิดขึ้นอีกเป็นระยะๆ
เพราะเงินเฟ้อสหรัฐที่ 8-9% ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะกลับมาที่ 2%
และดอกเบี้ย 4% ไม่มีทางที่จะเอาเงินเฟ้อที่สูงขนาดนั้นอยู่
คิดง่ายๆ ไฟโหมทั้งป่า มีรถดับเพลิงแค่ 2-3 คัน คงยากจะดับได้
ดอกเบี้ยที่เฟดจะต้องขึ้นไปนั้น ยังอีกมากพอสมควร
อย่างน้อยต้องมากกว่า 5% ขึ้นไป
โดยทุกๆ 6-8 สัปดาห์ หลังประชุมเสร็จ เฟดจะส่งสัญญาณเพิ่มว่า
ดอกเบี้ยที่ขึ้นมานั้น ยังไม่พอ ยังไม่จบรอบ
เงินเฟ้อที่เริ่มลง ยังลงมาไม่มากพอ
เฟดยังนอนใจไม่ได้
ยังต้องสู้ต่อไป
ทำให้นักลงทุนที่พยายามเก็งว่า เฟดจะจบรอบแล้ว ถูก Surprise เป็นระยะๆ
จนกระทั่ง เฟดเริ่มชะลอการขึ้นดอกเบี้ยจาก 0.75% มาที่ 0.5% มาที่ 0.25%
และเฟดคิดว่าพอแล้ว ตลาดก็จะสงบขึ้น
แต่ถึงจุดนั้น ตลาดก็จะต้องเรียนรู้อีกรอบว่า
พอขึ้นดอกเบี้ยสูงพอแล้ว ไม่ได้หมายความว่า ดอกเบี้ยจะลงทันที
เฟดคงต้องแช่ยา แช่ดอกเบี้ยไว้ระดับสูง นานกว่าที่ตลาดคาด
เพื่อสยบเงินเฟ้อให้ได้
ทำให้เกิดความผันผวนในตลาด ดัชนีขึ้นลงเป็นระลอกๆ
ขึ้นจากการคาดการณ์ดีเกิน
และลงจากการต้องปรับตัวรับข่าวจากเฟด
ตลาดคงเป็นอย่างนี้ไปอีกระยะ
ก็ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนครับ
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก..FB..ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล