ห้องเม่าปีกเหล็ก

การปรับตัวของสื่อยุคใหม่

โดย dave
เผยแพร่ :
64 views

การปรับตัวของสื่อยุคใหม่

กระแสวิพากษ์วิจารณ์ การที่สื่อยุคนี้กำลังถูก Disruption จากเหตุปัจจัยหลายประการ โดยเฉพาะในประเด็น การสื่อสารในยุควิกฤต / การสื่อสารในภาวะวิกฤต / การสื่อสารท่ามกลางความขัดแย้ง

สภาพปัญหา

การสื่อสารในยุควิกฤต / การสื่อสารในภาวะวิกฤต / การสื่อสารท่ามกลางความขัดแย้ง ในยุค Social Network คือจุดอ่อนสำคัญของมโนทัศน์องค์กรภาครัฐผู้มีหน้าที่กำกับดูแลสื่ออยู่พอสมควร
เพราะกลไกที่ผ่านมา องค์กรสื่อของรัฐมีหน้าที่กำกับดูแลการได้มาซึ่งคลื่นความถี่ หรือ Platform ทว่า ขอบเขตของการควบคุมดูแล Content นั้นเป็นไปได้ยาก
เนื่องจากส่วนใหญ่ มีกลไกทางข้อกฎหมายกำกับดูแล Content อยู่แล้ว คือกฎหมายหมิ่นประมาท
ขณะเดียวกัน เราจะเห็นได้ว่าองค์กรด้านสื่อของรัฐต่างๆ ไม่สามารถที่จะควบคุม ดูแลหรือกำกับติดตาม สื่อต่างประเทศได้เลย
ไม่ว่าจะเป็น Twitter หรือ Facebook ทำได้แค่ขอความร่วมมือ Block หรือล้างอันดับ Twitter
เท่านั้น ทว่า สื่อภาคพลเมืองยุค Social Media ก็จะ Twit ใหม่ หรือ Up Status ใหม่ใน Facebook เรื่อยไป
คำถามใหญ่ก็คือ องค์กรเหล่านี้จะมีมาตรการอย่างไรในการจัดการกับสื่อไร้พรมแดนหรือสื่อไร้สัญชาติ?
เฉกเช่นเดียวกับที่ หน่วยงานสรรพสามิตหรือสรรพากร ยังไม่สามารถหามาตรการทางภาษีกับธุรกิจขายของออนไลน์ข้ามชาติ อาทิ Amazon Lazada Shopee ได้เลย
สภาพปัญหาดังกล่าว ถือเป็น Paradigm ใหม่ของโลกปัจจุบันที่กำลังทวีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและรุนแรงเกินกำลังวิสัยทัศน์องค์กรแบบโบราณ
และหากเอ่ยถึงสถานการณ์ การสื่อสารในยุควิกฤต / การสื่อสารในภาวะวิกฤต / การสื่อสารท่ามกลางความขัดแย้ง ในปัจจุบันแล้ว เราสามารถแบ่งปัญหาในสถานการณ์ปัจจุบันได้ 3 ประเด็นใหญ่ๆ ดังต่อไปนี้
. Crisis Communication in Digital Era: การสื่อสารในยุค Digital Disruptive
เมื่อสภาวะสังคมทุกภาคส่วนได้มีการนำเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือนวัตกรรมในระบบ Digital มาปรับใช้ ทำให้วงการสื่อสารมวลชนต้องพัฒนาตนเองเพื่อเรียนรู้และสร้างทักษะการสื่อสารผ่าน Platform ใหม่ในยุคDigital
จุดสำคัญคือการเปลี่ยนรุ่นประชากร Generation ใหม่ขึ้นมามีบทบาทในสังคม รูปแบบหรือช่องทางการรับสื่อที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้นักสื่อสารมวลชนต้องปรับตัวตามผู้รับสารซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ อีกทั้งในด้านเนื้อหาหรือรสนิยมของ Generation ใหม่ก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Generation ใหม่ต่างมีสมรรถนะเป็น “ผู้ส่งสาร” ได้เอง!
ดังนั้น ภาวะวิกฤตแรกดังกล่าว นักสื่อสารมวลชนต้องรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงอย่างรอบด้านและครอบคลุม ด้วยการเรียนรู้บุคลิกของสื่อใหม่ ไม่ว่าจะเป็น Social Media หรือระบบการกระจายเสียงและแพร่ภาพวิทยุโทรทัศน์แบบใหม่ (OTT: Over the Top) ในรูปแบบ Subscription-based Video-on-Demand (SVoD) เช่น Netflix Apple TV Line TV ที่บทบาทแบบ Gate Keeper
ดั้งเดิมของนักสื่อสารมวลชนรุ่นเก่ากำลังหมดไป ผู้กำหนดทิศทางการสื่อสารคือผู้รับสารที่สามารถเลือกรับชมเนื้อหาที่เขาสนใจเท่านั้น และเลือกชมในเวลาใด สถานที่ใดก็ได้
2. Crisis Communication during Coronavirus
Coronavirus หรือ COVID-19 เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่ง ถึงแม้ว่าโลกจะมีวัคซีนสำหรับ COVID-19
ในอนาคตอันใกล้ แต่นักวิเคราะห์จำนวนมากเชื่อว่าจะต้องมีโรคอุบัติใหม่เกิดขึ้นตามมาอีกอย่างแน่นอน
อันเป็นผลมาจากความเปลี่ยนแปลงของสภาวะภูมิอากาศโลก ที่เชื้อโรคต่างๆ จะต้องวิวัฒนาการตัวเองเพื่อไม่ให้สูญพันธุ์ตามทฤษฎีวิวัฒนาการของ Charles Darwin

ดังนั้น การสื่อสารในภาวะวิกฤตนี้ นักสื่อสารมวลชนต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจในบริบทสภาพแวดล้อมของโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่มีวันหวนกลับไปที่จุดเดิมของอารยธรรมได้อีก

 

การรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปการดำเนินชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) จะกลายเป็นอีกหัวข้อหลักหนึ่งของสื่อยุคใหม่ ในรูปของ “โต๊ะข่าวใหม่” ที่เพิ่มเติมจาก “โต๊ะข่าว” แบบดั้งเดิม

การกำหนดทิศทางการสื่อสารในภาวะวิกฤต Coronavirus ที่สามารถต่อยอดประเด็นปัญหาไปสู่การเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมโลกจึงถือเป็นเรื่องใหม่และเป็นเรื่องใหญ่ที่คนสื่อต้องปรับตัวตามไปอย่างเร่งด่วน
3. การสื่อสารท่ามกลางความขัดแย้ง
ความขัดแย้งทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม โดยเฉพาะการเปลี่ยนรุ่น (Generation) จะรวดเร็วและรุนแรงอย่างคาดไม่ถึง ทั้งในประเทศ ภูมิภาคและโลก เป็นผลมาจากการแย่งชิงทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด ประเทศมหาอำนาจพยายามสร้างดุลอิทธิพลต่อรองกันบนเวทีโลก ซึ่งแน่นอนว่าต้องส่งผลกระทบไปถึงทุกประเทศ
ดังนั้น การสื่อสารท่ามกลางความขัดแย้งจำเป็นจะต้องวิเคราะห์ไม่เพียงบริบทของความขัดแย้งเชิงอุดมการณ์อย่างในอดีต แต่ต้องเชื่อมโยงภูมิรัฐศาสตร์และภูมิเศรษฐศาสตร์ใหม่ที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและรุนแรงอย่างที่คนสื่อรุ่นเก่าหลายคนมองภาพไม่ออก
ทางแก้เร่งด่วนคือการสร้างทักษะทางภาษาของคนข่าว ไม่เพียงภาษาที่ 2 หรือภาษาสากลอย่างภาษาอังกฤษ แต่จำเป็นต้องมีภาษาที่ 3 เพื่อเข้าถึงแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย แหล่งข้อมูลทางเลือกอื่นๆ เพื่อนำมาใช้เป็นต้นทุนในการวิเคราะห์สถานการณ์ในภาพใหญ่ ก่อนจะเชื่อมโยงลงสู่ระดับภูมิภาคและระดับประเทศต่อไป

บทสรุป

ไม่ว่าจะเป็น การสื่อสารในยุควิกฤต / การสื่อสารในภาวะวิกฤติ / การสื่อสารท่ามกลางความขัดแย้ง
ทุกสิ่งล้วนขับเคลื่อนมาตามเหตุปัจจัยและการเดินทางของกาลเวลา

ในฐานะคนสื่อ การทำความเข้าใจกับความเปลี่ยนแปลงเป็นคุณสมบัติดั้งเดิมของวิชาชีพ ไม่ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไปเช่นไร สื่อต้องปรับตัวอยู่เสมอ ทว่า วิกฤตครั้งนี้จะพลิกโฉมหน้าโลกของเราให้ไม่มีวันกลับไปเป็นวันคืนอันหอมหวานเฉกเช่นในอดีตได้อีกเลย

หน้าที่ของสื่อท่ามกลางการสื่อสารในยุควิกฤต / การสื่อสารในภาวะวิกฤต / การสื่อสารท่ามกลางความขัดแย้ง จึงต้องหลอมรวมทักษะที่มีอยู่ทั้งหมดเพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้
ไม่ใช่แค่การหยุดยั้งความเปลี่ยนแปลงเท่านั้น หากแต่สื่อต้องเรียนรู้เพื่อที่จะอยู่ร่วมกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนั่นเองครับ

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก


dave