ห้องเม่าปีกเหล็ก

CPALL - MAKRO กำลังจะโชว์ฟอร์มเด่น

โดย น้ำพริกปลาทู
เผยแพร่ :
185 views

CPALL - MAKRO กำลังจะโชว์ฟอร์มเด่น

กูรูให้น้ำหนักลงทุน “มากกว่าตลาด”

รับไตรมาส 3 กำไรจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง

 

.

ปลดล็อกความกังวลไปแล้วสำหรับ MAKRO และ CPALL หลังจาก MAKRO ระบุไม่เกี่ยวข้องกับดีลซื้อ Metro ในอินเดีย โดยนักวิเคราะห์ต่างออกมาให้มุมมองเป็นบวกต่อประเด็นดังกล่าว เพราะจะช่วยปลดล็อกประเด็นของภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้นรวมไปถึงการเพิ่มทุนหาก MAKRO ต้องเข้าซื้อกิจการดังกล่าว ซึ่งจะกระทบมายังสภาพคล่องของ CPALL ที่ซื้อหุ้น MAKRO ที่ 34.97% อีกด้วย

.

ขณะที่ในแง่ของการเติบโตนับจากนี้ทั้ง 2 หุ้นจะไปในทิศทางไหนนั้น ล่าสุดนักวิเคราะห์ได้ออกมาแนะนำให้ น้ำหนักการลงทุน “มากกว่าตลาด” เพราะแนวโน้มยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งช่วงไตรมาส 4/65 จะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของการดำเนินธุรกิจอีกด้วย

โดยมุมมองของนักวิเคราะห์บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ให้น้ำหนักการลงทุน “มากกว่าตลาด” โดยคาดแนวโน้ม CPALL และ MAKRO ยังมีแนวโน้มที่ดีในการเร่งยอดขาย เห็นได้จากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ในไตรมาส 3/65 ของ CPALL และ MAKRO เป็นบวกสูง โดย CPALL บวก 20-25% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ MAKRO บวก 8-10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

.

ทั้งนี้ถึงแม้ว่าจะได้ประโยชน์จากฐานต่ำ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีผลจากการ Lockdown อย่างไรก็ดีคาดว่าการกลับไปใช้ชีวิตประจำวันที่ใกล้ปกติหลังการแพร่ระบาด Covid-19 คลี่คลาย ยังคงส่งผลดีต่อ SSSG ที่ยังเป็นบวกได้ต่อเนื่อง

โดยในไตรมาส 4/65 คาดกรณีผ่านช่วงฤดูฝน และในเดือน พ.ย.-ธ.ค. ยังมีปัจจัยสนับสนุนจาก 1.การเข้าสู่ช่วงฤดูกาลซื้อ (High Season) การท่องเที่ยวและเทศกาลปีใหม่ 2.การกลับมาของนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่ค่อนข้างมีความชัดเจน รวมถึง โอกาสที่จะเห็นมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐอื่นๆ เพิ่ม เพื่อช่วยหนุนกำลังซื้อ ซึ่งมองว่าจะช่วยเพิ่มเม็ดเงินในตลาด และ เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นยอดขาย

.

ขณะที่ปัจจัยกดดันจากประเด็นข่าวการเข้าลงทุนใน METRO บริษัทแจงไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ช่วยปลดล็อกความกังวลในเรื่องการเพิ่มภาระหนี้จากการเข้าลงทุนของ MAKRO และ CPALL

.

วิเคราะห์กำไรช่วงไตรมาส 3/65

CPALL ฝ่ายวิจัยแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 75.00 บาท โดยประเมินไตรมาส 3/65 จะมีกำไรปกติ 3.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 114% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยธุรกิจร้านสะดวกซื้อยังคงทำได้ดี หลังการปลด Lockdown ยอดขายมีความต่อเนื่อง หลังได้มาตรการรัฐสนับสนุน เช่น การเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ ซึ่งประเมินรายได้รวมทำได้ราว 2.07 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 66% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เติบโตรายปีสูง เนื่องจากในไตรมาส 3/64 ยังไม่มีการบันทึกรายได้จาก Lotus’s โดยมี SSSG โดยเฉพาะในส่วนของ 7-eleven ที่ทำได้ดี บวกที่ 20-25% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

.

ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นทำได้ทรงตัวที่ระดับ 21.0% แม้ว่าจะมีผลกระทบจากเงินเฟ้อ แต่บริษัทได้มีการปรับราคาขายได้มากขึ้นตามต้นทุนที่ปรับเพิ่ม ขณะที่ค่าใช้จ่ายขายและบริหาร รวมถึงภาระดอกเบี้ยจ่ายยังสูง ซึ่งเป็นผลกระทบต่อเนื่องมาจาก Lotus’s

.

นอกจากนี้บริษัทคงแผนการขยายสาขาทั้งปี 700 แห่ง บริษัทยังคงแผนขยายสาขาต่อเนื่อง แม้ว่าในช่วงครึ่งแรกของปี65 จะเปิดสาขาเพียง 300 แห่ง แต่ทาง CPALL ยังคงยืนยันเปิดสาขาใหม่ ทั้งปี 700 แห่ง ตามแผนเดิม โดยมีแผนขยายสาขาเพิ่มในประเทศกัมพูชา จากปัจจุบันที่ 20 สาขา และเตรียมเปิดสาขาใหม่ในประเทศลาว ในปี 2567

.

ส่วน MAKRO ฝ่ายวิจัย แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 48.00 บาท โดยคาดไตรมาส 3/65 จะมีกำไรปกติ 1.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 1.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ผลประกอบการเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ยังไม่มีการรับรู้รายได้จาก Lotus’s โดยมีรายได้จากการขายและบริการ 1.18 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 116% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการรับรู้รายได้ มาจาก MAKRO ราว 6.1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 8%จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 12%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

.

ทั้งนี้ ยอดขายสอดคล้องไปกับการเติบโตของ SSSG ของไตรมาส 3/65 ที่ราว 8-10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนโดยเฉพาะในรูปแบบ Food service และกลุ่มลูกค้าที่เห็นการเติบโตมากที่สุด คือ กลุ่มลูกค้าโรงแรม ร้านอาหาร และจัดเลี้ยง (HoReCa) โดยเฉพาะสาขาในต่างจังหวัดท่องเที่ยวที่เห็นยอดขายฟื้นตัวมากโดยเฉพาะภาคใต้

.

ขณะที่ Lotus’s ยังมีผลกระทบจากการเข้าสู่ฤดูฝน ทำให้ยอดขายลดลง จึงคาดจะมีรายได้ราว 5.6 หมื่นล้านบาท ทรงตัวจากไตรมาสก่อน เนื่องจากยอดขายของ Supermarket และ Hypermarket มีผลกระทบจากฤดูฝนโดยเฉพาะในเดือน ก.ย. สอดคล้องกับ SSSG ในไตรมาส 3/65 ที่คาดติดลบ 1-2%เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน

.

ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นปรับดีขึ้นแต่ดอกเบี้ยยังสูง โดยคาดอัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมอยู่ที่ 16.2%เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนราว 30 bps ได้แรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของ MAKRO ที่เข้าสู่ฤดูกาลและมีการขายสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นดี เช่นเดียวกับ Lotus’s ที่มียอดขายสินค้า Non-Food ที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะสินค้า Hard line ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นดี

.

อย่างไรก็ดี ภาพรวมยังมีแรงกดดันจากค่าใช้จ่ายขายและบริหาร ที่ยังสูง 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายต่อเนื่องจาก Lotus’s จากการปรับรูปแบบเป็น Lotus’s Go Fresh และการลงทุนในธุรกิจ Online Maknet รวมถึงภาระดอกเบี้ยจ่ายที่ยังสูง

 

 


น้ำพริกปลาทู