สรุป 3 เคล็ดลับ การเทรดให้อยู่รอด ตลอด 50 ปี แบบคุณปู่ Peter Brandt | MONEY LAB
ทุกวันนี้เรามักจะเห็นเทรดเดอร์มากมายโชว์พอร์ตผลตอบแทน 100%, 200% หรือแม้แต่ 1,000% ให้เราได้ตาลุกวาวอยู่บ่อยครั้ง
แต่ในความเป็นจริง การเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ นอกจากผลตอบแทนแล้ว สิ่งสำคัญไม่แพ้กันคือ การอยู่รอดให้ได้แม้ในช่วงที่ตลาดไม่เป็นใจ
เพราะการชนะแค่ไม่กี่ครั้ง อาจเกิดจากโชค แต่การอยู่รอดให้ได้เป็นสิบ ๆ ปีต้องมีทั้งระบบและวินัยที่ดี
ซึ่งคุณ Peter Brandt ที่เราจะมาเรียนรู้จากเขาในวันนี้ ก็คือหนึ่งในเทรดเดอร์ระดับตำนาน ที่สามารถอยู่รอดมาได้นานกว่า 50 ปี
และเป็นหนึ่งในเทรดเดอร์ที่ถูกสัมภาษณ์ในหนังสือชื่อดังอย่าง Unknown Market Wizards หนังสือที่รวมเรื่องราวของเทรดเดอร์นอกสายตา แต่สร้างผลงานได้เหนือความคาดหมาย
หากอยากรู้เรื่องราว และแนวคิดการเทรดที่คุณ Peter Brandt ใช้มาตลอด 50 ปีและยังใช้อยู่จนทุกวันนี้ ?
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ

คุณ Peter Brandt เริ่มต้นทำงานในสายโฆษณา ตามที่เรียนมา ในตอนนั้นเขาได้เงินเดือน 25,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี ซึ่งถือว่าสูงพอสมควร
โดยจุดเปลี่ยนในชีวิตของเขาเริ่มต้นจากเรื่องราวธรรมดา
ระหว่างการไปร่วมกิจกรรมของลูก และได้พูดคุยกับพ่อของเพื่อนลูก ซึ่งเป็นเทรดเดอร์ใน Chicago Board of Trade
ซึ่ง Chicago Board of Trade หรือ CBOT เป็นตลาดซื้อขายสัญญาล่วงหน้าแห่งแรกของสหรัฐฯ ที่เริ่มต้นด้วยการซื้อขายสินค้าเกษตร อย่างข้าวโพด และถั่วเหลือง
ทำให้เขามีโอกาสได้เข้าไปสัมผัสบรรยากาศการซื้อขายในตลาดจริง ซึ่งจุดประกายความสนใจของเขามาก จนทำให้เขาตัดสินใจลาออกจากงานประจำที่มั่นคง
และไปเริ่มต้นทำงานกับ Continental Grain Company บริษัทส่งออกสินค้าเกษตรรายใหญ่ของโลก ในตำแหน่งงานขาย ซึ่งสำนักงานที่เขาทำงานนั้น ตั้งอยู่ในอาคาร Chicago Board of Trade
ทุกครั้งที่ได้เงินค่าคอมมิชชัน เขาจะรวบรวมเงินเก็บไว้ เพื่อนำไปเปิดบัญชีเทรดส่วนตัว ซึ่งต้องใช้เงินขั้นต่ำ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ
เขาทดลองเทรดหลายวิธีมาก ทั้งการเทรดตามข่าว ใช้ปัจจัยพื้นฐาน และดูแนวโน้มตามฤดูกาล แต่ผลลัพธ์ก็ยังขาดทุน
เมื่อขาดทุนจนเงินหมด เขาก็จะเก็บเงินแล้วกลับไปเทรดใหม่เรื่อย ๆ แต่ไม่ว่าจะลองเทรดด้วยวิธีไหน เขาก็ยังขาดทุนซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ดี
แต่ด้วยการที่เขาได้อยู่ในอาคาร Chicago Board of Trade ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าเทรดเดอร์เก่ง ๆ ก็ทำให้เขาได้เริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับการควบคุมความเสี่ยง
และในช่วงที่เขากำลังหาทางออกจากการขาดทุนซ้ำแล้วซ้ำเล่า จุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุดก็มาถึง เมื่อเพื่อนของเขาซื้อหนังสือ Technical Analysis of Stock Trends มาให้
ซึ่งหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่นำเสนอวิธีการวิเคราะห์แนวโน้มราคา โดยใช้เทคนิคการอ่านกราฟและรูปแบบราคา
ซึ่งเขาใช้เวลาตกตะกอนประมาณ 1-2 ปี ในการผสมผสานเทคนิคการวิเคราะห์กราฟ วินัย และการจัดการความเสี่ยงที่ได้เรียนรู้มา
จากนั้นในปี 1979 เขาก็เริ่มเทรดแล้วได้กำไรอย่างสม่ำเสมอ หลังจากนั้นประมาณ 2 ปี เมื่อเริ่มมั่นใจในระบบการเทรดของตัวเอง เขาจึงตัดสินใจลาออก มาเปิดบริษัทเทรดของตัวเอง
เรื่องราวทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่า ความสำเร็จในการเทรดไม่ได้เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน แต่เป็นผลมาจากการเรียนรู้จากความล้มเหลว การรับฟังคำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์ และการศึกษาหาความรู้อย่างเข้มข้น
แต่ที่สำคัญที่สุดคือ การใช้เวลาในการฝึกฝนและมีวินัยในการเทรดอย่างจริงจัง
จากวันแรกที่เขาเริ่มเทรด มาจนถึงวันนี้ก็เป็นเวลากว่า 50 ปีแล้ว ซึ่งบทเรียนจากประสบการณ์ตลอด 5 ทศวรรษของคุณ Peter Brandt เราก็สามารถสรุปออกมาเป็นเคล็ดลับ 3 ข้อหลัก ๆ ที่เราสามารถนำมาปรับใช้ได้ นั่นคือ
1. การควบคุมความเสี่ยง
คุณ Peter Brandt เชื่อว่าการอยู่รอดในตลาด คือสิ่งสำคัญที่สุด หากขาดทุนจนเราไม่มีเงินทุนเหลือ เราก็ไม่มีโอกาสเรียนรู้หรือพัฒนาตัวเองอีกต่อไปได้
เขาย้ำเสมอว่า อย่าปล่อยให้ขาดทุนต่อเนื่อง จนกัดกินทั้งพอร์ตการลงทุนและทำลายอาชีพการเทรด
แนวคิดนี้สะท้อนวินัยที่เข้มงวดเรื่องการจัดการความเสี่ยงในการเทรดแต่ละครั้ง ที่เขามักจำกัดขนาดความเสี่ยงไม่เกิน 0.8% ของพอร์ตต่อการเทรดหนึ่งครั้ง และแม้ในกรณีที่มั่นใจมากก็จะจำกัดความเสี่ยงไม่ให้เกิน 1% เท่านั้น
อธิบายง่าย ๆ คือ หากมีพอร์ตการลงทุนมูลค่า 100 บาท ถ้าเขาเทรดผิดทาง เขาจะยอมเสียเงินสูงสุดไม่เกิน 1 บาทเท่านั้น
2. สร้างกระบวนการเทรดที่เรียบง่ายและเหมาะกับตัวเอง
คุณ Peter Brandt ไม่เชื่อในการไล่ทำตามเทคนิคซับซ้อน หรือการเปลี่ยนระบบไปเรื่อย ๆ
เพราะเขาเชื่อว่าเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จต้องหาแนวทางที่เข้ากับบุคลิกของตัวเอง ออกแบบให้เรียบง่าย และทำซ้ำได้อย่างสม่ำเสมอ
เขายังย้ำเตือนเสมอว่า หากเราเปลี่ยนระบบทุกครั้งที่พบความผิดพลาด เราจะหลงทางในที่สุด เพราะไม่มีอะไรให้ยึดถือในระยะยาว และไม่มีโอกาสได้เรียนรู้จากประสบการณ์นั้น ๆ
สำหรับแนวทางของเขาเอง คือการใช้ Classical Chart Patterns ซึ่งเป็นรูปแบบราคาที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ ในตลาด เขาใช้รูปแบบเหล่านี้ในการวิเคราะห์พฤติกรรมของราคาที่สะท้อนจิตวิทยามวลชน
รูปแบบราคาที่เขาใช้บ่อย คือ
- Head and Shoulders รูปร่างคล้ายกับหัวคนตรงกลาง ที่มีไหล่ซ้ายและไหล่ขวา
- Rectangle รูปแบบที่ราคาเคลื่อนไหวระหว่างแนวรับและแนวต้านในแนวนอนเหมือนสี่เหลี่ยมผืนผ้า
- Ascending Triangle รูปแบบสามเหลี่ยมที่มีจุดสูงสุดใกล้เคียงกัน และมีจุดต่ำสุดที่ยกสูงขึ้นเรื่อย ๆ
และที่สำคัญเขามักจะดูกราฟราคารายสัปดาห์ก่อน แล้วจึงหาจุดเข้าด้วยกราฟรายวัน
3. การจดบันทึกการเทรดและติดตามข้อมูล
คุณ Peter Brandt เชื่อว่าการเทรดคือ ธุรกิจที่ต้องวัดผลและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่การเสี่ยงโชคในระยะสั้น
เหมือนคนค้าขายที่ต้องบันทึกบัญชี ว่ามีเงินเข้าออกเท่าไร และมีกำไรเหลือมากแค่ไหนบ้างอยู่ตลอด
ดังนั้นเขาจึงบันทึกการเทรดทุกครั้งอย่างละเอียด โดยจดไว้ว่าทำไมถึงเข้าเทรด แผนการเทรดคืออะไร และผลลัพธ์ออกมาเป็นอย่างไร
เป้าหมายของการจดบันทึกคือ เพื่อหาจุดอ่อนของตัวเอง ป้องกันการทำผิดซ้ำ และปรับปรุงการเทรดให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ
ตัวอย่างสิ่งที่เขาบันทึกและติดตามมาตลอดช่วง 10 ปีล่าสุดคือ
- Win Rate โอกาสการชนะต่อการเทรด 1 ครั้ง เฉลี่ยเท่ากับ 54.7%
หมายความว่า ถ้าเทรด 100 ครั้ง เขามีโอกาสเข้าซื้อแล้วจะได้กำไร ประมาณ 55 ครั้ง
- Pareto Ratio เป็นแนวคิดที่ว่ากำไรส่วนใหญ่มักมาจากการเทรดเพียงไม่กี่ครั้ง โดยผลงานของเขาแสดงให้เห็นว่า 85% ของกำไรทั้งหมด มาจากการเทรดเพียง 15% เท่านั้น
ซึ่งทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นแนวทางของเขาอย่างชัดเจน นั่นคือ การจำกัดความเสี่ยงอย่างมีวินัย โดยการตัดขาดทุนให้เร็ว แต่ถ้ามีกำไรก็ทนถือให้นานที่สุดเพื่อให้ได้กินคำใหญ่
ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ทำให้คุณ Peter Brandt อยู่รอดในตลาดได้ยาวนานกว่า 5 ทศวรรษ และยังเทรดอย่างมีประสิทธิภาพ แม้ปัจจุบันจะอายุ 78 ปีแล้ว
ไม่ใช่เพราะเขาฉลาดหรือโชคดีมากกว่าคนอื่น แต่มาจากทั้งการเรียนรู้จากความผิดพลาด และการควบคุมความเสี่ยงอย่างมีวินัยนั่นเอง..
References
-https://www.market-journal.com/p/peter-brandt-50-key-lessons
-https://rpc.cfainstitute.org/research/cfa-magazine
-Rayner Teo : Trading For A Living (With Peter Brandt)
-Words of Rizdom : Prop Firm Traders NEED To Hear This Warning - Peter Brandt
-ข้อมูลจาก X : @PeterLBrandt
ที่มา.. MONEY LAB