Review Top 3 กลุ่มค้าปลีก
หุ้นอีกกลุ่มหนึ่งที่มีการรีเควสจากนักลงทุนหลายๆท่าน คือ กลุ่มค้าปลีก เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับงบปีที่กำลังจะออกมา วันนี้จะขอชักชวนนักลงทุนทุกท่านมา อัพเดตงบการเงินกลุ่มนี้กันหน่อย โดย 3 ตัว ที่เลือกมาในวันนี้ ถือเป็น Top 3 ของกลุ่ม ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนั่นคือCPALL , MAKRO , ROBINS ผ่านเกณฑ์ทั้งหมด 6 เกณฑ์
1.รายได้รวม
2.ROE
3.อัตรากำไรสุทธิ
4.P/E
5.D/E
6.อัตราส่วนเงินปันผล
รายได้รวม
ในส่วนของ รายได้รวม ไตรมาส 3/60 CPALL มีรายได้มากที่สุด 361,369.95 ล้านบาท รองลงมา คือ MAKRO ที่ 137,871.52 ล้านบาท CPALL ดำเนินธุรกิจร้านสะดวกซื้อภายใต้เครื่องหมายการค้า 7-Eleven และให้สิทธิแก่ผู้ค้าปลีกรายอื่นในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย CPALL มีรายได้มากที่สุด เกิดจากการที่บริษัทใช้กลุยุทธ์เปิดสาขาครอบคลุมทุกหัวมุมถนน ย่านชุมชน และย่านธุกิจ เน้นบริการอาหารสะดวกอิ่มทั้งเบเกอรี่และ อาหารแช่แข็ง รวมทั้งตัวแทนรับชำระเงินค่าสินค้าและบริการ รวมถึงการลงทุนในธุรกิจศูนย์จำหน่ายสินค้าแบบชำระเงินสดและบริการตนเองภายใต้ชื่อ "แม็คโคร"
อัตรากำไรสุทธิ
ในส่วนของ อัตรากำไรสุทธิ ไตรมาส 3/60 ROBINS มีกำไรมากที่สุด 8.64% รองลงมา คือ CPALL ที่ 3.98% ตัวแปรสำคัญที่ทำให้อัตรากำไรสุทธิแตกต่างกัน คือ การจัดการค่าใช้จ่ายในการบริหาร จะสังเกตได้ว่ากำไรธุรกิจนี้มีความแตกต่างค่อนข้างมากและไม่ได้ขึ้นกับขนาดของกิจการ โดยภาพรวมอุตสาหกรรมนี้มีกำไรค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับหลายๆอุตสาหกรรมในตลาดฯ
เกณฑ์ต่อไป คือ ROE / Return on Equity
ROE / Return on Equity ตัวที่ให้ ROE มากที่สุด คือ MAKRO ที่ 39.69% แม้ว่าจะมี D/E น้อยกว่า CPALL ก็ตาม รองลงมาเป็น CPALL ที่ 33.62% ภาพรวม ทั้ง 3 บริษัท มี ROE แตกต่างกันค่อนข้างมาก
P/E
ในส่วนของ P/E เบอร์1 คือ CPALL ที่ 37.98 เท่า และ MAKRO เป็นอันดับ 2 ที่ 31.63 เท่า นักลงทุนจะสังเกตว่า P/E ในกลุ่มค้าปลีกนั้นถือว่าสูงมาก เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมอื่นๆในตลาดหลักทรัพย์ เนื่องจาก urbanization Trend ซึ่งถือเป็น Mega Trend อย่างหนึ่งของโลกเลยทีเดียว
ในส่วนของ D/E เบอร์ 1 คือ CPALL ที่ 3.99 เท่า รองลงมา คือ MAKRO ที่ 2.43 เท่า ในภาพรวมแล้ว กลุ่มอุตสาหกรรมนี้ มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนที่ต่ำมากแตกต่างกันค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมอื่นๆ โดยเฉพาะ CPALL ที่มีหนี้เกือบ 4 เท่าของส่วนทุน
ในแง่ของ อัตราส่วนเงินปันผล เทียบราคาปัจจุบัน สูงสุด คือ MAKRO 2.18% ตามมาด้วย ROBINS ที่ 1.74% ในภาพรวมแล้วอุตสาหกรรมนี้จะจ่ายปันผลค่อนข้างน้อย เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมอื่นในตลาดฯ เกือบทุกบริษัทยังคงต้องใช้เงินในการขยายธุรกิจเพิ่มสาขาต่อไป
- Vira -
หมายเหตุ : ข้อมูลที่นำมาใช้ในการวิเคราะห์อ้างอิง วันที่ 15.1.2018 จากเว็บไซต์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และไม่ได้มีเจตนาชี้นำการลงทุนใดๆ