ห้องเม่าปีกเหล็ก

World Today: ประเด็นข่าวต่างประเทศน่าติดตามวันนี้

โดย world
เผยแพร่ :
49 views

World Today: ประเด็นข่าวต่างประเทศน่าติดตามวันนี้

สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

 

 

ตลาดหุ้นเอเชียเปิดบวกในวันนี้ (19 ธ.ค.) ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการตัดสินใจด้านนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งจะมีการประกาศในวันนี้

BOJ อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับ 0.75% ซึ่งจะเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2538 โดยข้อมูลจาก LSEG ระบุว่า มีความเป็นไปได้ 86.4% ที่ BOJ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

-- ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเมื่อวานนี้ตามการคาดการณ์ของตลาด โดยเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกัน

การคงอัตราดอกเบี้ยเมื่อวานนี้ ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ที่ระดับ 2.00% ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้อยู่ที่ระดับ 2.40% ส่วนอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์อยู่ที่ระดับ 2.15%

-- คณะกรรมการนโยบายการเงิน (MPC) ของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติด้วยคะแนนเสียง 5-4 ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 3.75% ในการประชุมเมื่อวานนี้ สอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด

กรรมการ MPC จำนวน 5 รายมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวานนี้ ขณะที่ 4 รายมีมติคงอัตราดอกเบี้ย

-- กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ประจำเดือนพ.ย.เมื่อวานนี้ โดยไม่มีการประกาศตัวเลขดัชนี CPI ประจำเดือนต.ค. ซึ่งเดิมมีกำหนดเผยแพร่ในวันที่ 7 พ.ย. เนื่องจากการปิดหน่วยงานรัฐบาล หรือชัตดาวน์ ทำให้กระทรวงฯ ไม่สามารถเก็บข้อมูลย้อนหลังของการสำรวจได้

นอกจากนี้ การเปิดเผยดัชนี CPI ประจำเดือนพ.ย. เป็นตัวเลขเปรียบเทียบรายปีเท่านั้น โดยไม่มีตัวเลขเทียบรายเดือน เนื่องจากกระทรวงฯ ไม่มีการรายงานตัวเลข CPI ประจำเดือนต.ค.

ทั้งนี้ ดัชนี CPI ทั่วไป (Headline CPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.7% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 3.1% และลดลงจากระดับ 3.0% ในเดือนก.ย.

ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.6% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 3.0% และทรงตัวจากระดับ 3.0% ในเดือนก.ย.

-- นักลงทุนพากันเทน้ำหนักต่อคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของปี 2569 ในการประชุมเดือนมี.ค. เร็วกว่าเดิมที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนเม.ย. หลังสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด

นอกจากนี้ นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ของปี 2569 ในเดือนก.ค. เร็วกว่าเดิมที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนก.ย. ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยของเฟดอยู่ที่ระดับ 3.00-3.25% ในช่วงสิ้นปี 2569

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 46.8% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.25-3.50% ในการประชุมเดือนมี.ค. จากเดิมที่ให้น้ำหนักเพียง 32.9% เมื่อเดือนที่แล้ว

-- ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีการขยายตัว 3.5% ในไตรมาส 3/2568 หลังจากเศรษฐกิจหดตัว 0.6% ในไตรมาส 1 และขยายตัว 3.8% ในไตรมาส 2

เฟดสาขาแอตแลนตาจะรายงานตัวเลขคาดการณ์ GDPNow ครั้งต่อไปในวันที่ 23 ธ.ค.

-- ผลสำรวจของสมาคมนักลงทุนรายย่อยอเมริกัน (AAII) พบว่า นักลงทุนส่วนใหญ่เชื่อมั่นต่อทิศทางของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในระยะ 6 เดือนข้างหน้า

ทั้งนี้ นักลงทุนที่มีความเชื่อมั่นต่อทิศทางของตลาดหุ้นในระยะ 6 เดือนข้างหน้า มีจำนวน 44.1% ลดลงจากระดับ 44.6% ในสัปดาห์ที่แล้ว และสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ระดับ 37.5%

ส่วนนักลงทุนที่มีความไม่เชื่อมั่นต่อทิศทางของตลาดหุ้นในระยะ 6 เดือนข้างหน้า มีจำนวน 33.2% เพิ่มขึ้นจากระดับ 30.6% ในสัปดาห์ที่แล้ว และสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ระดับ 31.0%

-- ไบต์แดนซ์ (ByteDance) บริษัทแม่สัญชาติจีนของติ๊กต๊อก (TikTok) ได้ลงนามข้อตกลงที่มีผลผูกพันกับนักลงทุนรายใหญ่ 3 ราย เพื่อขายสินทรัพย์ในสหรัฐฯ มากกว่า 80% ให้แก่นักลงทุนจากสหรัฐฯ และนักลงทุนทั่วโลก เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกสั่งแบนจากรัฐบาลสหรัฐฯ

ภายใต้เงื่อนไขการขายกิจการติ๊กต๊อกในสหรัฐฯ นั้น ไบต์แดนซ์จะให้สิทธิ์ใช้งานเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์สำหรับระบบแนะนำคอนเทนต์แก่บริษัทยูเอสติ๊กต๊อก (US TikTok) ที่จัดตั้งขึ้นใหม่ โดยบริษัทดังกล่าวจะใช้อัลกอริทึมเดิมเป็นพื้นฐานในการฝึกระบบใหม่ ซึ่งจะได้รับการดูแลด้านความปลอดภัยโดยออราเคิล (Oracle) ซึ่งเป็นหุ้นส่วนระบบคลาวด์ของติ๊กต๊อก

-- หวัง อี้ สมาชิกกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยและกัมพูชา โดยเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายหยุดยิงโดยเร็วที่สุดเพื่อฟื้นฟูสันติภาพตามแนวชายแดน

ส่วนกระทรวงกลาโหมของจีนยืนยันว่า อาวุธที่ผลิตจากจีนซึ่งทหารไทยพบจากฐานกองกำลังกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสถานการณ์การปะทะกันระหว่างไทยและกัมพูชาแต่อย่างใด

-- ข้อมูลและเหตุการณ์เศรษฐกิจสำคัญในวันนี้ (19 ธ.ค.) มีดังนี้:-

เกาหลีใต้เปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ย.

ญี่ปุ่นเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ย.

อังกฤษเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.จาก GfK และยอดค้าปลีกเดือนพ.ย.

ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย

เยอรมนีเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.จาก GfK และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ย.

สหรัฐฯ เปิดเผยยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ย.และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

 


world