ห้องเม่าปีกเหล็ก

ส่องโอกาสธุรกิจ หุ้นกลุ่มธนาคาร

โดย น้ำพริกปลาทู
เผยแพร่ :
131 views

ส่องโอกาสธุรกิจ หุ้นกลุ่มธนาคาร

เมื่อโบรกฯ ให้น้ำหนักลงทุน “มากกว่าตลาด”

.

คอลัมน์ “โพยหุ้น” ประจำวันจันทร์ Wealthy Thai มีอีกหนึ่งกลุ่มมานำเสนออย่าง “หุ้นธนาคาร” หลังนักวิเคราะห์ ให้น้ำหนักการลงทุน “มากกว่าตลาด” เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์ทางตรงจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ทั้งจากความต้องการสินเชื่อที่จะดีขึ้นและคุณภาพสินเชื่อที่แข็งแรงขึ้น

.

มุมมองนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด มีความเห็นว่า สินเชื่อรวมกลับมาขยายตัว และคาดจะโตต่อในครึ่งหลังของปี 66 โดยได้รวบรวมข้อมูลสินเชื่อของธนาคารจากรายงาน ธ.พ.1.1 เดือน พ.ค. 2566 พบว่าสินเชื่อรวมของกลุ่มพลิกกลับมาโต 0.5%จากเดือนก่อน และเติบโต 0.8%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หนุนกลุ่มสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่กลับมาเพิ่มขึ้น ตามแผนลงทุนขยายธุรกิจในช่วงที่เศรษฐกิจในประเทศเริ่มฟื้นตัว

.

สำหรับธนาคารที่มีสินเชื่อโตเด่นสุดคือ SCB เติบโต 1.1% จากเดือนก่อน และเติบโต 3.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังได้ลูกค้ากลุ่มบริษัทขนาดใหญ่เข้ามาเพิ่ม ประกอบกับการเร่งขยายพอร์ตสินเชื่อของกลุ่มธุรกิจ Consumer Finance เพื่อเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ที่ให้ผลตอบแทนสูง

.

รองลงมาคือ BBL เพิ่มขึ้น 0.9% จากเดือนก่อน และเพิ่มขึ้น 0.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หนุนจากลูกค้าสินเชื่อธุรกิจทั้งขนาดใหญ่และขนาดกลางที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการฟื้นตัวของธุรกิจสินเชื่อต่างประเทศ ส่วน KTB แม้สินเชื่อโตเล็กน้อย 0.2% จากเดือนก่อน และลดลง 2.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อรายย่อยที่ให้ผลตอบแทนสูง สอดรับกับนโยบายเพิ่ม NIM ในระยะยาว

.

ส่วน KBANK สินเชื่อลดลงเล็กน้อย 0.1% จากเดือนก่อน และลดลง 0.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน คาดเป็นผลจากการ Write Off หนี้เสีย หรือการขายหนี้ให้กับ JKAMC เพิ่มขึ้น ส่วนธนาคารขนาดกลาง / เล็ก สินเชื่อโตใกล้เคียงกัน TTB เติบโต 0.5% จากเดือนก่อน ลดลง 2.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

.

ด้าน TISCO เติบโต 0.6%จากเดือนก่อน รวมทั้งเติบโต 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ KKP เติบโต 0.4% จากเดือนก่อน และเติบโต 18.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

.

ขณะที่ฝั่งเงินฝากพบว่าภาพรวมปรับลง 0.2% จากเดือนก่อน และเพิ่มขึ้น 0.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยธนาคารขนาดกลาง / เล็กเห็นการลดลงราว 1.1% จากเดือนก่อน ขณะที่ธนาคารใหญ่มีฐานเงินฝากทรงตัว หนุนให้คาดแนวโน้มต้นทุนทางการเงินของธนาคารที่เพิ่มขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป ส่วน Loan to Deposit Ratio ปรับตัวขึ้นเป็น 87.2% จาก 86.5% ใน เดือน เม.ย. สะท้อนมุมมองการปล่อยสินเชื่อของธนาคารที่ผ่อนคลายมากขึ้น

.

ผลงานไตรมาส 2 แจ่ม!

โดยเบื้องต้นยังคงมุมมองบวกต่อแนวโน้มผลดำเนินงานของกลุ่มธนาคารในไตรมาส 2/66 คาดปรับขึ้นทั้งช่วงเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อน หนุนจาก รายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิที่ขยับขึ้นจากทั้งพอร์ตสินเชื่อรวมที่กลับมาขยายตัว และ NIM ที่เร่ง ตัวขึ้นต่อเนื่อง สอดรับกับการทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้จากลูกหนี้ในกลุ่มต่างๆ ขณะที่ดอกเบี้ยเงินฝาก ปรับขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป

.

อีกทั้งค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองคาดจะปรับลงจากไตรมาสก่อน เนื่องจากไม่มีผลกระทบจากกรณีของ STARK เหมือนกับไตรมาส 1/66 ทำให้ธนาคารใหญ่อย่าง KBANK และ SCB คาดจะมีการตั้งสำรองลดต่ำลง ขณะที่ในแง่ของหนี้เสียคาดปรับขึ้นเล็กน้อย แต่ยังไม่น่ากังวลเพราะธนาคารต่างๆ มีการเร่งปรับปรุงคุณภาพสินเชื่อในพอร์ตมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้คาดระดับ Coverage Ratio จะยังอยู่ในระดับที่แข็งแรง ส่วนทั้งปี 2566 คาดกลุ่มธนาคารจะมีกำไรสุทธิ 197,413 ล้านบาท เติบโต 19.4% จากปีก่อน

.

ดังนั้นให้น้ำหนักการลงทุนในกลุ่มธนาคาร “มากกว่าตลาด” เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์ทางตรงจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ทั้งจากความต้องการสินเชื่อที่จะดีขึ้นและคุณภาพสินเชื่อที่แข็งแรงขึ้น ขณะที่ปัจจุบัน SETBANK ซื้อขายด้วย PBV ต่ำเพียง 0.7 เท่า สะท้อนถึงความน่าสนใจในแง่ Valuation

.

แนะนำ SCB (ราคาเป้าหมาย 144 บาท) เป็น Top Pick ของกลุ่ม จากความโดดเด่นของกลยุทธ์เติบโตระยะยาวที่จะเน้น ธุรกิจ Consumer Finance และเทคโนโลยีมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่ๆ และเพิ่ม NIM ให้สูงกว่าเดิม

.

สำหรับคำแนะนำหุ้นรายตัว SCB แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 144 บาท, BBL แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 190 บาท, KBANK แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 178 บาท, KKP แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 85 บาท

.

KTB แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 23 บาท, TISCO แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 116 บาท และ TTB แนะนำ TRADING ราคาเป้าหมาย 1.56

 

 


น้ำพริกปลาทู