ห้องเม่าปีกเหล็ก

Land Bridge: เดิมพันครั้งใหญ่ของไทย จะเปลี่ยนเส้นทางการค้าโลกได้จริงหรือ?

โดย ฮ นกฮูก
เผยแพร่ :
25 views

Land Bridge: เดิมพันครั้งใหญ่ของไทย

จะเปลี่ยนเส้นทางการค้าโลกได้จริงหรือ?

เมื่อโลกการค้ากำลังเผชิญ “จุดคอขวด” ที่ช่องแคบมะละกา

ไทยกำลังวางเดิมพันครั้งใหญ่ผ่าน “Land Bridge”

มูลค่าเกือบ 1 ล้านล้านบาท เพื่อเชื่อม ชุมพร–ระนอง เข้าด้วยกัน

และปักธงให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางการขนส่ง

ระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิกกับอินเดีย ที่ไม่ต้องพึ่งสิงคโปร์อีกต่อไป

 

 

เส้นทางใหม่ที่ท้าทายช่องแคบมะละกา

 

โครงการนี้ตั้งเป้าเป็น “เส้นเลือดการค้าโลกสายใหม่”

ด้วยระบบท่าเรือน้ำลึกสองฝั่ง

ได้แก่ แหลมริ่ว (ชุมพร) และ แหลมอ่าวอ่าง (ระนอง)

เชื่อมด้วยมอเตอร์เวย์ รถไฟทางคู่ และท่อส่งพลังงานตัดผ่านคาบสมุทรไทย

ช่วยย่นเวลาเดินเรือได้ถึง 4 วัน และลดต้นทุนโลจิสติกส์ราว 15% ต่อเที่ยว

หากทำสำเร็จ จะสามารถรองรับสินค้าได้ถึง 40 ล้าน TEU/ปี

เทียบชั้นท่าเรือสิงคโปร์ที่ปัจจุบันถือครองสถานะ “ประตูการค้าเอเชีย”

 

จุดยุทธศาสตร์ที่เชื่อมโลกการค้า

ราว 30% ของสินค้าทางเรือทั่วโลกผ่านช่องแคบมะละกา

ซึ่งกำลังถึงขีดจำกัด ไทยจึงมีโอกาสใช้ภูมิศาสตร์สร้างมูลค่าใหม่

 

ระนอง: ประตูฝั่งตะวันตก

ทำเลทองในการเชื่อมกับประเทศในเอเชียใต้ ยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกาตะวันออก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอินเดีย ที่ปัจจุบันไทยส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ชุมพร: ประตูฝั่งตะวันออก

เชื่อมอ่าวไทย เอเชียตะวันออก และแปซิฟิก

หากสายเดินเรือระดับโลกหันมาใช้ Land Bridge จริง

ไทยอาจกลายเป็นจุดหมุนใหม่ของการค้าระหว่างภูมิภาค

 

ตัวเลขเศรษฐกิจที่ดึงดูดและย้อนแย้ง

 

แค่โอกาสทางภูมิศาสตร์เพียงอย่างเดียวอาจไม่พอ

เพราะตัวเลขเศรษฐกิจยังตั้งคำถามว่า

ความคุ้มค่าของโครงการนี้ “มีจริงหรือไม่”

สำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.)

คาดว่าโครงการนี้จะช่วยหนุน GDP โตเพิ่มราว 1.5% ต่อปี

และสร้างงานกว่า 280,000 ตำแหน่ง

แต่ผลการศึกษาของ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กลับมองต่าง

โดยให้ค่า NPV ติดลบกว่า 1.2 แสนล้านบาท

และอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจเพียง 1.24%

ในขณะที่ สนข. ประเมินบวกกว่า 17%

ความต่างระดับนี้สะท้อนให้เห็นว่า

“Land Bridge” ยังเป็นสมการที่คำตอบไม่ชัดเจน

 

ความท้าทายที่รออยู่ข้างหน้า

 

• เงินลงทุนมหาศาล เสี่ยงเพิ่มหนี้สาธารณะ แม้จะใช้รูปแบบ PPP

• ความซับซ้อนทางวิศวกรรม ตั้งแต่การขุดอุโมงค์จนถึงท่าเรือน้ำลึก

• ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสิทธิชุมชน ที่ต้องประเมินอย่างรอบด้าน

• การแข่งขันจากประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งสิงคโปร์ (Tuas Mega Port) มาเลเซีย (Carey Island และ Port Klang) และเวียดนาม (ท่าเรือกายเม็ป–ลากฮวเยิน) ที่เร่งขยายท่าเรือเชิงยุทธศาสตร์ของตน

และเหนืออื่นใดคือ “สมดุลของการค้า”

หากปริมาณสินค้าขาเข้า–ขาออกไม่สมดุล หรือไม่สามารถลดต้นทุนได้จริง

โครงการนี้อาจไม่ดึงดูดสายเดินเรือระดับโลกอย่างที่คาดหวัง

 

เดิมพันครั้งสำคัญบนเส้นทางที่ยังไม่มีแผนที่

Land Bridge ไม่ใช่เพียงโครงการคมนาคม

แต่คือ “สะพานแห่งความหวัง” ที่ไทยตั้งใจจะทอดข้ามคาบสมุทร

เพื่อเชื่อมฝั่งทะเลกับฝั่งฝันของการเป็นศูนย์กลางการค้าโลก

แต่เส้นทางใหม่นี้ยังเต็มไปด้วยหมอกแห่งความไม่แน่นอน

ทั้งต้นทุนที่สูง ผลตอบแทนที่ยังคลุมเครือ และเสียงสะท้อนจากชุมชนที่ยังไม่ถูกฟังครบ

คำถามจึงไม่ใช่เพียงว่า “ไทยสร้างได้หรือไม่”

แต่คือ “ไทยพร้อมหรือยัง ที่จะรักษาเส้นทางนี้ให้ยั่งยืน คุ้มค่า และเป็นประโยชน์ต่อทุกภาคส่วนจริง ๆ”

เพราะนี่คือการวางหมากใหญ่ของไทยบนกระดานภูมิรัฐศาสตร์เศรษฐกิจโลก

มันอาจกลายเป็น “เกมเปลี่ยนหน้า” ของการค้าเอเชีย

หรืออาจเป็น “บทเรียนราคาแพง” ของการลงทุนระดับชาติ

การก้าวพลาดเพียงไม่กี่ก้าว อาจทำให้ความฝันนี้

กลายเป็นภาระที่ประเทศต้องแบกไว้ไปอีกหลายทศวรรษ

เรื่องและภาพ: สราลี วงษ์เงิน Economist, Bnomics

════════════════

 

 

ที่มาเนื้อหาจาก.. Bnomics by Bangkok Bank


ฮ นกฮูก