โบรกฯ เตือนระวัง! ลงทุน DELTA
ชี้กำไรโตไม่ทันราคาหุ้น
หวั่นเจอแรง “ขาย” เพราะแพงเกินไปแล้ว

.
ราคาหุ้นบริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างร้อนแรง จนทำจุดสูงสุดไปแล้วเมื่อวันที่ 4 ม.ค.66 ที่ระดับ 990 บาท และล่าสุดจากราคาปิดของวันเดียวกันที่ 912 บาท ทำให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดทะยาน 1,137,612.03 ล้านบาท ขึ้นเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดในตลาดหุ้นไทยไปเป็นที่เรียบร้อย แซงหน้ายักษ์ใหญ่อย่าง AOT และ PTT ที่ตกไปเป็นอันดับ 2 และ 3 ตามลำดับ
.
แต่ความร้อนแรงของ DELTA ทำให้นักวิเคราะห์มองว่าราคาหุ้นอยู่ในระดับที่แพง มากแล้ว เมื่อประกอบกับความเสี่ยงของ Global Recession ที่คาดจะเกิดในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 ด้วยระดับราคาที่แพง DELTA มีโอกาสเจอแรงขายได้มากกว่ากลุ่ม
.
หุ้นอยู่ในโซนที่แพงมากแล้ว
ทั้งนี้มุมมองของนักวิเคราะห์บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) มีความเห็นว่า มูลค่าหุ้นปัจจุบันไม่สมเหตุสมผลเมื่อเทียบกับบริษัทแม่ DELTA Taiwan โดยราคาหุ้น DELTA Thailand ซื้อขายแพงกว่าราคาหุ้น DELTA Taiwan ในเชิงเปรียบเทียบอย่างมีนัยสำคัญ
.
นอกจากนี้ มูลค่าตลาด (Market Capital) ของ DELTA Thailand ที่ 1 ล้านล้านบาท มีมูลค่ามากกว่า Market Capital ของ DELTA Taiwan ที่ 8 แสนล้านบาท แต่ DELTA Thailand มีสัดส่วนคิดเป็นราว 25% ของกำไรของ DELTA Taiwan ทั้งกลุ่ม สะท้อนความไม่สมเหตุสมผลในแง่ของมูลค่าเชิงเปรียบเทียบ ดังนั้นนักลงทุนควรระมัดระวังในการเข้าเก็งกำไรหุ้น DELTA ที่ระดับราคาปัจจุบัน
.
โดยคงประมาณการ แต่ปรับไปใช้ PER ที่ 47 เท่า หรือ +0.25SD จากก่อนหน้าที่ใช้ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีที่ 37 เท่า เพื่อสะท้อนความแข็งแกร่งของยอดขายที่ดูเหมือนจะรับมือเศรษฐกิจถดถอยกว่าที่ฝ่ายวิจัยคาด ส่งผลให้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2566 ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 610.00 บาทต่อหุ้น
.
ดังนั้นคงคำแนะนำ “ขาย” แม้ในแง่ผลประกอบการระยะสั้นคาดยังเติบโตดีในปี 2566 เพราะได้รับผลกระทบจาก Recession จำกัดกว่ากลุ่ม แต่ Valuation ในปัจจุบันมองว่าเป็นระดับที่สูงผิดปกติ หุ้นอยู่ในโซนที่แพงมากแล้ว เมื่อประกอบกับความเสี่ยงของ Global Recession ที่คาดจะเกิดในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 ด้วยระดับราคาที่แพง DELTA มีโอกาสเจอแรงขายได้มากกว่ากลุ่ม หากผลประกอบการทำ ไม่ได้ตามคาดหวัง
.
ปี 2566 คาดยอดขายเติบโต แต่ราคาหุ้นแพง
สำหรับการประชุมร่วมกับบริษัท ครั้งล่าสุดยังไม่มี Guidance ปี 2566 อย่างเป็นทางการ แต่บริษัทฯเห็นคำสั่งซื้อล่วงหน้าในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 ยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งและเติบโตต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันของปีก่อน การผ่อนคลายนโยบายล็อกดาวน์ของจีนซึ่งเป็นแหล่งนำเข้าวัตถุดิบหลักของบริษัทฯ คาดช่วยลดความกังวลเรื่องข้อจำกัดในการผลิต
.
โดยทำให้ประมาณการของฝ่ายวิจัยที่คาดยอดขายในปี 2566 เติบโต 12%จากปีก่อน และคาดกำไรปกติปี 2566 ที่ 1.62 หมื่นล้านบาท โต20%จากปีก่อน ยังอยู่ในกรอบที่เป็นไปได้
.
อย่างไรก็ดี อิงประมาณการของฝ่ายวิจัย ราคาหุ้นที่ 910 บาทต่อหุ้น (แบบบวกลบ) จะคิดเป็น PER66 ที่ 70 เท่า สูงกว่ากลุ่มที่ซื้อขายราว 20 เท่า อย่างมีนัยสำคัญ หากพิจารณาในแง่ PE-Band ปัจจุบัน DELTA ถูกซื้อ ขาย ใกล้เคียง+2SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี โอกาสที่หุ้นจะยืนบนระดับดังกล่าวเป็นเรื่องยาก หากพิจารณาว่าเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะยุโรปกับอเมริกากำลังเข้าสู่ Recession ในปี 2566
.
ขณะที่คาดกำไรปกติไตรมาส 4/65 ที่ 3.6 พันล้านบาท ลดลง 7%จากไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้น 89%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกำไรปกติเติบโตเด่น จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากยอดขายที่เติบโตและ GPM ที่ดีขึ้น ขณะที่กำไรที่ชะลอจากไตรมาสก่อน เนื่องจากผลของฤดูกาล สรุปสาระสำคัญดังนี้
.
1.คาดรายได้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ 805 ล้านเหรียญ ลดลง 5%จากไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้น 18%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน คาดยอดขายเติบโตเด่นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะสินค้ากลุ่ม Data Center ขณะที่เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน คาดยอดขายจะชะลอลงตามผลของฤดูกาล
.
2. คาด GPM ที่ 22.8% ดีขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากค่าเงินบาท/USD ที่อ่อนค่าลง 9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ GPM ในไตรมาส 4/64 ถูกกดดันเพราะมีการเร่งผลิตและส่งมอบสินค้า ขณะที่ GPM ลดลงจากไตรมาสก่อน เนื่องจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น 0.2% และแรงกดดันจากสัดส่วนต้นทุนวัตถุดิบในประเทศที่เพิ่มขึ้น
.
3.คาด SG&A ที่ 3.4 พันล้านบาท และคาด SG&A to sales 11.5% ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยของ 9 เดือนปี 2565 หากกำไรออกมาตามคาด กำไรปกติปี 2565 จะอยู่ที่ 1.37 หมื่นล้านบาท ใกล้เคียงประมาณการปี 2565 ของฝ่ายวิจัยที่ 1.35 หมื่นล้านบาท คาด DELTA จ่ายปันผลปี 2565 ที่ 5.4 บาทต่อหุ้น คิดเป็น Yield ราว 0.6%