ห้องเม่าปีกเหล็ก

ของมันต้องมี! สุดยอดหุ้นเด่นน่า “สะสม” ใน 10 อุตสาหกรรมยอดนิยม

โดย คเณชา
เผยแพร่ :
78 views

ของมันต้องมี! สุดยอดหุ้นเด่นน่า “สะสม” ใน 10 อุตสาหกรรมยอดนิยม

สถานการณ์ตลาดทุนในปัจจุบันยังเอาแน่ เอานอนไม่ได้ เพราะมีปัจจัยกดดันทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ยังรุมเร้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐทรุดตัวลงต่ำสุดในรอบปีจากความกังวลภาวะเงินเฟ้อและเศรษฐกิจถดถอย โดยผลจากเงินเฟอทั่วโลกสูงขึ้นกว่าที่คาดกาณ์ธนาคารกลางจึงเร่งการใช้นโยบายการเงินเข็มงวดขึ้นเพื่อให้ระดับราคามีเสถียรภาพ ขณะที่การเติบโตของเศรษฐกิจของ EU ก็เริ่มมีแนวโน้มชะลอตัวและผันผวนเช่นกัน


ดังนั้นหากนักลงทุนท่านไหนมองหาหุ้นเด่นที่น่าสะสมกันท่ามกลางปัจจัยกดดันที่ยังรุมเร้ากันอยู่นั้น บทความครั้งนี้ทีมข่าว Wealthy Thai ได้รวบรวมหุ้นเด่นสุดในแต่ละอุตสาหกรรมมาฝากนักลงทุนแล้ว ผ่านการประเมินของนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน)


1.กลุ่มขนส่ง: แนวโน้มฟื้นตัวได้ดี BEM และ BTS เป็นผู้ได้ประโยชน์หลักจากการเปิดเมือง และรับเงินเฟ้อที่สูงขึ้นได้โดยคงมุมมองเชิงบวกของกลุ่มขนส่งด้วย 3 เหตุผล 1. กลุ่มขนส่งจะเป็นกลุ่มหลักได้ประโยชน์จากการเปิดเมืองและประเทศ จำนวนผู้ใช้บริการ โดยเฉพาะขนส่งมวลชนได้ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในพ.ค. และเติบโต 2 เท่าในไตรมาส 1/65 ทำให้กำไรเติบโต ทั้ง BEM และ BTS 2.BEM และ BTS เป็นผู้ได้ประโยชน์ (ไม่ใช่ผู้ได้รับผลกระทบ) จากราคาน้ำมันและเงินเฟ้อที่สูงขึ้น และ3. ราคาหุ้นทั้ง 2 หุ้น ยังไม่สะท้อนพื้นฐานและกำไร ให้ราคาเป้าหมาย BEM ที่ 10 บาท  และ BTS ที่ 12.60 บาท แนะนำ “ซื้อ”


2.กลุ่มพลังงาน หุ้นเด่น BANPU และ SPRC โอกาสแทรกแซงจากรัฐมีน้อย โดย BANPU วางแผนในการขยายธุรกิจ shale gas ในสหรัฐฯ จะใช้เงินทุนจากธุรกิจถ่านหินที่กำลังดีและ IPO ธุรกิจก๊าซเติบโตจะช่วยลดความผันผวนของกระแสเงินสดของ BANPU และลดความเสี่ยงด้านกฎระเบียบถ่านหิน คาดกำไร BANPU จะเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2 ไปจนถึงไตรมาส 4/65 แนะนำ ซื้อ ปรับราคาเป้าหมายเป็น 17.0 บาท


ขณะที่ SPRC คาดกำไรไตรมาส 2 สร้างระดับสูงสุดใหม่ที่ 6.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 19%จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 7 เท่า จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หนุนจากค่าการกลั่นในระดับที่ดีและอัตราการกลั่นที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตามมีความไม่แน่นอนของการเก็บภาษีกำไรส่วนเพิ่มจากโรงกลั่น หาก SPRC ได้รับผลกระทบจากมาตรการจะทำให้กำไรลดลง 10% ในปีนี้ คงคำแนะนำ ซื้อ ปรับราคาเป้าหมายเพิ่มเป็น 15.0 บาทต่อหุ้น (จากเดิม 12.0 บาท)


3.กลุ่มยานยนต์ หุ้นเด่น AH แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 34.00 บาท ผลจาก Demand ฟื้นตัว, คำสั่งซื้อชิ้นส่วนใหม่สำหรับรถกระบะรุ่นใหม่, ดีมานด์รถ EV ที่เพิ่มขึ้น และ สถานการณ์การขาดแคลนชิปเริ่มคลายลงในครึ่งหลัง ผลจากกำลังการผลิตใหม่และ Demand ชะลอตัวลงในช่วงหมดมาตรการ work-from-home และมูลค่าของคริปโตลดลง


4.กลุ่มธนาคาร หุ้นเด่น TTB และ SCB โดยคงน้ำหนักการลงทุน เป็นกลาง ต่อกลุ่มธนาคาร และมีมุมองเชิงลบ โดยเลือก TTB และ SCB เป็นหุ้นเด่น มอง TTB เป็นหุ้น laggard ฟื้นตัว ที่จะมีกำไรเติบโตแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มในปีนี้ หลังพอร์ตสินเชื้อหดตัวและเผชิญต้นทุนควบรวมในปีก่อน ให้ราคาเป้าหมาย 1.6 บาท ด้าน SCB ซื้อขายที่ระดับส่วนลด BV มากหลังมีความกังวลการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิตัล ให้ราคาเป้าหมาย 133 บาท


5.กลุ่มเครื่องดื่ม หุ้นเด่น CBG โดยชื่นชอบ CBG มากกว่า OSP จึงเลือก CBG แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 130 บาทเป็นหุ้นเด่น, จากการเปิดเมืองใน CLMV และต้นทุนอะลูมิเนียมลดลงในครึ่งหลัง


6.กลุ่มรับเหมา หุ้นเด่น CK คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 23.80 บาท โดยมี 3 เหตุผล อาทิ คุณภาพ backlog ที่ดีกว่า STEC, โอกาสในการได้สัญญาใหม่, และ รายได้เงินปันผล และส่วนแบ่งกำไร จาก TTW, BEM และ CKP


7.กลุ่มอาหาร หุ้นเด่น CPF (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 31.50 บาท) จากสองปัจจัย ราคาสุกรและไก่ในประเทศจะยังอยู่ในระดับสูงในปีนี้และปีหน้า หนุนจากวัฎจักรการผลิตสุกร์ที่ยาว (300 วัน), และ การฟื้นตัวของราคาสุกรในจีน นอกจากนี้ยังชอบ ASIAN (ซื้อ ราคาเป้าหมาย 23.00 บาท) เป็นหุ้น wild card ในกลุ่มอาหาร เนื่องจาก ธุรกิจอาหารแช่แข็งที่ปรับตัวดีขึ้น และได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่าเนื่องจากมีสัดส่วนรายได้จากการส่งออกถึง 70%


8.กลุ่ม ICT หุ้นเด่น TRUE และ DTAC โดยได้เห็นราคาหุ้นปรับตัวลุงในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ผลจากแนวโน้มกำไรอ่อนแอลงเนื่องจากการแข่งขั้นรุนแรงขึ้น และกำลังซื้อผู้บริโภคอ่อนแอลง รวมถึงความเสี่ยงด้านกฎระบียบในประเด็นการควบรวม DTAC และ TRUE ทั้งนี้คาดว่าตลาดมีโอกาสปรับประมาณการกำไรลง และกดดันราคาหุ้นอย่างต่อเนื่อง แนะนำให้นักลงทุน ลงทุนใน DTAC และ TRUE เนื่องจากเชื่อว่าการควบรวมจะสำเร็จ และ ราคาหุ้น DTAC และ TRUE ควรจะซื้อขายที่ระดับ tender offer เป็นอย่างน้อย และให้ราคาเป้าหมาย DTAC ที่ 54.50 บาท และ TRUE ที่ 5.50 บาท แนะนำ ซื้อ


9.กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม หุ้นเด่น AMATA และ WHA โดยยังคง AMATA (แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 24.50 บาท) เป็นหุ้นเด่นของกลุ่มจาก valuation ที่ถูก และ WHA (แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 4.70 บาท) จากยอดขายที่ดินฟื้นตัวในช่วงไตรมาส 2 (270 ไร่ เทียบกับ 36 ไร่ในไตรมาส 1)


10.กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ หุ้นเด่น LH และ AP โดยคงมุมมอง เป็นกลาง ต่อกลุ่มอสังหาฯ มี LH และ AP เป็นหุ้นเด่น คาดว่า LH จะมีกำไรเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปีนี้ หนุนจากการฟื้นตัวของส่วนแบ่งกำไรกิจการร่วมค้า โดยเฉพาะจาก HMPRO และกำไรจากการตึกในสหรัฐฯ ส่วน AP เป็นผู้พัฒนาโครงการแนวราบชั้นนำ ผลประกอบการมีแนวโน้มโดดเด่นกว่าผู้ประกอบการรายอื่น หลังเก็บยอดจอง ยอดโอนแตะระดับสูงสุดใหม่ได้ประโยชน์จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป จึงแนะนำ ซื้อ LH ราคาเป้าหมาย 11.30 บาท และAP ราคาเป้าหมาย 12.50 บาท

 

 


คเณชา