ลักษณะธุรกิจ
ประกอบธุรกิจ 3 ประเภทหลัก ได้แก่ 1) ธุรกิจให้บริการติดตามเร่งรัดหนี้ บริษัทให้บริการแก่ผู้ว่าจ้างที่เป็นสถาบันการเงิน และผู้ประกอบการต่างๆ ซึ่งประสงค์จะให้บริษัทฯ ติดตามและดำเนินการให้ลูกหนี้ของผู้ว่าจ้างชำระคืนหนี้ ขอบเขตการให้บริการ ครอบคลุมถึงการรับจ้างติดตามและจัดเก็บหนี้ รวมถึงงานด้านกฎหมาย ได้แก่ ฟ้องและสืบทรัพย์คดี 2) ธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ โดยซื้อหนี้ด้อยคุณภาพจากสถาบันการเงิน หรือบริษัทต่างๆ และนำมาบริหารจัดเก็บหนี้ 3) ธุรกิจให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ โดยเน้นให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใช้แล้วทั้งรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถกระบะ และเน้นปล่อยสินเชื่อให้แก่บุคคลธรรมดา โดยเป็นการ spin off มาจาก JMART
"ต้องยอมรับว่า JMT เป็นเบอร์ 1 ด้านการบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ"
ส่วนที ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล วิเคราะห์ไว้ในรายการ
- รายได้ 80% มาจากการบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ ส่วนอีก 14% มาจากธุรกิจเร่งรัดติดตามหนี้ ค่า Fee ค่าธรรมเนียมต่างๆ ธุรกิจนี้ค่อนข้างประสบความสำเร็จมาก
- ต้องยอมรับว่าเขาเป็นเบอร์ 1 ด้านการบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ
- บริษัทมีพอร์ตบริหารลูกหนี้อยู่ประมาณ 1 แสน 8 พันล้าน โดยใช้เงินลงทุนแค่ 5 พันล้านเท่านั้น นั้นหมายความว่าเขาต้นทุนต่ำ แต่กำไรค่อนข้างสูง (ถ้าเก็บหนี้ได้หมด)
P/E ratio ที่สูงเกิน 30 เท่า และ P/BV ที่สูงเกือบ 5 เท่า ถูกชดเชยโดย Profit Margin และ ROE ที่สูง
(ขอบคุณภาพจาก : ตลาดหลักทรัพย์ set.or.th)
- ถ้าบริษัทมีหนี้ด้อยคุณภาพมากขึ้น รายได้ก็จะดีตาม แต่ความเสี่ยงก็จะเพิ่มขึ้นด้วย
- สถาบันการเงินหลายที่ไม่มีความชำนาญในการบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ ดังนั้นพวกสถาบันการเงินเหล่านี้จึงตัดจำหน่ายหนี้เหล่านี้ขายให้กับ JMT เพื่อนำไปบริหารต่อ
- เมื่อก่อน JMT มีพอร์ตลูกหนี้ประมาณพันล้าน แต่ตอนนี้เขามีประมาณแสนล้านบ่งบอกถึงการเติบโตที่ดีมาก ยิ่งบริษัทโตขึ้น มีฐานเงินทุนมากขึ้น พอร์ตสินเชื่อก็เพิ่มมากขึ้น กำไรก็จะมากตาม
- เรื่องของระบบบัญชี อาจจะเป็นเรื่องเข้าใจยากหน่อย คือ ต้องเก็บเงินก่อนแล้วนำไปลบกับ Amortization ของเงินลงทุน แล้วจึงนำไปบันทึกเป็นรายได้
- ผมมองว่าจะวิเคราะห์ JMT จะต้องดู P/BV และความสอดคล้องกับ ROE ว่าสมเหตุสมผลกันหรือไม่ ถ้าดูจากโครงสร้างแล้วถือว่าดีมากๆ ROE สูง กำไรดี แต่ P/BV ค่อนข้างสูงไปหน่อย
- บริษัทที่มี ROE สูงๆสัก 30 เท่า ก็อาจจะเทรดที่ P/BV 4-5 เท่าได้ไม่ใช่เรื่องแปลก
ส่วนที ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร วิเคราะห์ไว้ในรายการ
"ปกตินี้คนเราเวลาเป็นหนี้ อยากจะลืม ยิ่งนานก็ยิ่งไม่อยากจะจ่าย"
- นี้เป็นธุรกิจที่ยากมาก เพราะผมเองก็ไม่เข้าใจเท่าไรว่าบริษัทนี้ทำมาหากินอย่างไร
- มันเป็นเรื่องของบัญชีที่เข้าใจยาก มันเป้นความเห็นแต่ไม่ใช่ความจริง .. นั้นหมายความว่า มีคนส่วนน้อยที่จะเข้าใจบัญชีได้อย่างลึกซึ้งจริงๆ ถ้ามันเปลี่ยนกฏเกณฑ์การบันทึกแบบใหม่ คนก็ไม่เข้าใจ ดังนั้นผมถึงบอกว่ามันไม่ใช่ความจริง มันเป็นแค่ความเห็น ไม่ใช่ตัวเงินจริงๆนั้นเอง
- เท่าที่ผมฟังดู มันเหมือนกับว่า เราซื้อหนี้ 100 ล้าน เราจ่ายแค่ 5 ล้านบาทเอง โห้ กำไรดีมากๆเลยนะ ฟังดูดีสุดๆ ต่อให้เก็บได้นิดๆหน่อยๆก็ยังกำไร
- เราต้องเข้าใจก่อนว่า นี้เป็นธุรกิจหนี้รายย่อย แสดงว่าคนหนึ่งมีหนี้ประมาณ 1-2 หมื่นบาท คนอาจจะลืมไปแล้วก็ได้หรือไม่มีเงินจ่าย สถาบันการเงินรู้สึกว่าหนี้พวกนี้มันเล็กน้อย เอาไปขายต่อดีกว่าคุ้มค่ากว่าประหยัดต้นทุนการบริหารด้วยอะไรแบบนั้น
- ที่นี้ พวกที่ซื้อหนี้มาติดตามอาจจะทำได้เพราะเขาทำเฉพาะทาง เงินเดือนน้อย สวัสดิการน้อย ความเครียดสูง ให้เงินตามผลงานที่ทำได้ อะไรแบบนั้น
- ปกตินี้คนเราเวลาเป็นหนี้ อยากจะลืม ยิ่งนานก็ยิ่งไม่อยากจะจ่าย ตอนเป็นหนี้ใหม่มันดูเฟรชๆ ดูสดชื่นมีความกระตือรือร้นที่จะจ่าย พอนานไปเริมไม่อยากจ่ายแล้ว ก็เลยเตะถ่วงไปเรื่อย ดีไม่ดีเดียวเจ้าหนี้อาจจะลดหนี้ให้ กลายเป็นได้ประโยชน์อีก เดียวนี้มีกฏหมายห้ามทำร้ายร่างกาย ห้ามขมขู่อีก
- ถามว่าบริษัทมีพอร์ตแสนล้าน จะตามกลับมาได้กี่เปอร์เซนต์ คุ้มค่าที่จะฟ้องร้องขึ้นโรงขึ้นศาลไหม เงินแค่หมื่นสองหมื่น ขึ้นศาลทีเดียวก็กำไรหายหมดแล้ว มันก็ไม่คุ้ม ดังนั้นผมมองว่าอะไรที่เกี่ยวกับหนี้ๆ มันไม่ค่อยดีเท่าไร
- ผมรู้สึกว่าเรื่องของระบบบัญชี บริษัทต้อง Consevative มากๆ หมายถึงว่า บริษัทเก็บเงินสดก่อน แล้วบันทึกเป็นรายได้ เป็นกำไร แต่ปัจจุบันนี้ซื้อหนี้เข้าพอร์ตแล้ว ก็คาดการณ์กำไรที่จะได้เลย คือ มันมองโลกในแง่ดีเกินไป อาจจะได้ต่ำกว่าความเป็นจริงก็ได้ เพราะอย่าลืมว่ามันเป็นหนี้ของรายย่อยคนละหมื่น - สองหมื่นบาท
- เท่าที่ดูงบแบบผ่านๆ ก็มีทั้งปีที่กำไรขึ้น และกำไรลง เพียงแต่ปีที่ผ่านมากำไรดีมาก แต่บริษัทก็ไม่ได้เติบโตอะไรมาก
ราคาหุ้นของ JMT ในช่วงที่ผ่านมา ราคาไต่ระดับจาก 10 บาท มา 22 บาท ถือว่าให้ผลตอบแทน 1 เด้ง
(ขอบคุณภาพจาก : Bisnews Professional)
----------------------
ขอบคุณแหล่งข้อมูล : รายการ Business Model ช่อง Money Channel