โดย กองแก้ว
เผยแพร่ : 
327 viewsเรื่องที่คล้ายๆกันที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาและจีน เรื่องที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา :
เรื่องนี้เกิดขึ้นใน ปี ค.ศ.1955 เมื่อเด็กชายคนหนึ่งถือกําเนิดขึ้น เด็กชายคนนี้มีรูปร่างผอมบางกะหร่องกะแหร่ง ชอบใส่เสื้อยืด กางเกงยืน วันๆก็จะคลุกอยู่แต่กับเครื่องคอมฯ สมัยนั้นเด็กประเภทนี้เขาจะเรียกว่าเด็กเนิร์ด ( Nerd ) คือจะใส่ใจเฉพาะเรื่องที่ตัวเองชอบและจะทุ่มเทเวลาให้กับสิ่งนั้นโดยไม่สนใจเรื่องอื่นเลย บางครั้งเด็กชายคนนี้จะคลุกอยู่กับเครื่องคอมฯทั้งคืนจนถึงเช้า และก็ผล๋อยหลับไปที่หน้าโต๊ะเครื่องคอมฯโดยไม่สนใจเรื่องข้าวปลาอาหาร และแม้กระทั่งเรื่องอาบนํ้าอาบท่าเลย จนคุณแม่ของเขาอิดหนาระอาใจในพฤติกรรมของลูกชาย และในภาระที่จะต้องคอยปัดกวาดเช็ดถูตาม
อยู่มาวันหนึ่งเด็กชายคนนี้ก็ออกมาประกาศว่า " ในอนาคตชาวสหรัฐฯจะมีเครื่องคอมฯใช้กันทุกบ้าน " ชาวบ้านร้านช่องที่ใด้ยินก็หาว่าเขาเป็นคน "บ้า" เพราะคอมพิวเตอร์ในสมัยนั้นมีใช้เฉพาะหน่วยราชการและบริษัทฯขนาดใหญ่เช่น IBM เป็นต้น
ต่อมาเด็กชายคนนี้ได้ตั้งบริษัทฯและบริษัทฯนี้ ปัจจุบันเป็นบริษัทฯที่มูลค่าทางการตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกชื่อ Microsoft
เรื่องคล้ายกันนี้ก็มาเกิดในประเทศจีนเมื่อเด็กชายร่างเล็กถือกําเนิดในปี ค.ศ.1964 เด็กชายคนนี้สอบเข้าเรียนในวิทยาลัยครูไม่ผ่านถึง 2 ครั้ง แต่สุดท้ายก็สอบเข้าไปเรียนครูภาษาอังกฤษได้สําเร็จหลังจากนั้นเขาก็ไปสมัครงานทั้งหมด 31 ตําแหน่งแต่โดนปฏิเสธหมด
ปี ค.ศ.1995 ชายคนนี้มีโอกาสเดินทางไปสหรัฐอเมริกาแล้วไปเจอสิ่งมหัศจรรย์ชื่อ Internet เขาพยายาม Search ข้อมูลต่างๆแต่ไม่พบว่ามีข้อมูลภาษาจีน เขากลับไปเมืองจีนแล้วไปตั้งบริษัทฯ E-Commerce และในขณะเดียวกันเขาก็แนะนําคนจีนให้ใช้ QR Code ในการทําธุรกรรมการจ่ายเงิน ชาวบ้านร้านช่องได้ยินก็หาว่าเขาเป็นคน "ติงต๊อง " เพราะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ใด้
และในที่สุดในปัจจุบัน ชาวจีนไม่ใช้ธนบัตรในการทําธุรกรรมการจ่ายเงินอีกต่อไป เกือบ 100% ที่จะได้เห็นคนจีนรับและจ่ายเงินกันโดยใช้ QR Code ( โดยเอาโทรศัพท์มือถือมาแตะๆกัน) และแม้กระทั่งขอทานในประเทศจีนรับบริจาคผ่าน QR Code
ปัจจุบันเศษฐกิจ Digital ของจีนคิดเป็น 40% ของ GDP โดยรวมของจีน
ชายผู้นี้คือผู้ก่อตั้ง Alibaba Group
โปรดติดตามรายละเอียดได้ในลิ้งค์เพจด้านล่าง :
