เราไม่อาจปฏิเสธได้ว่า "กราฟเทคนิเคิล" ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของนักลงทุนในตลาดหุ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว บางคนอาจจะคิดว่าไม่มีความสำคัญ ขอให้เน้นในเรื่อง "พื้นฐาน" เป็นสำคัญ อาจจะใช้ไม่ได้ในตลาดยุคปัจจุบันที่เต็มไปด้วยนักเก็งกำไร โรบอทเทรด หรือกองทุนต่างชาติที่สามารถควบคุมราคาหุ้นได้ ดังนั้นแล้วนักลงทุนจำเป็นจะต้องเข้าใจในเรื่องการอ่านพื้นฐาน และดูกราฟเทคนิเคิลไปพร้อมๆกัน
"กราฟแท่งเทียน" หรือ Candlesticks คือบทเรียนแรกๆสำหรับคนที่จะศึกษากราฟเทคนิเคิล โดยส่วนใหญ่แล้วจะดูในเรื่องของ "รูปแบบ" ของการก่อตัวที่เรียกว่า Pattern มากกว่า แต่ข้อเสียคือในวิชานีมี Pattern หลายร้อยแบบ จำแทบไม่หมด บางรูปแบบคล้ายกันแต่มีชื่อเรียกต่างกัน และบางรูปแบบก็ใช้ไม่ได้จริงๆ
เว็บไซด์ Moneycontrol.com ได้รวบรวมรูปแบบ Candlesticks Pattern ถึง 4 รูปแบบ ที่ใช้ได้จริงและมีประสิทธิภาพสูงที่นักลงทุนควรรู้ มีอะไรบ้างมาดูกันครับ ...
รูปแบบที่ 1 : Doji
ที่มาภาพ : hitandruncandlesticks.com
นี้คือรูปแบบที่ง่ายที่สุด หมายถึงราคาเปิดและราคาปิดอยู่ในตำแแหน่งเดียวกัน หรือ "ใกล้เคียง" ถ้าหุ้นตัวนั้นมีความผันผวนสูงมาก ณ วันนั้น การเกิด Doji อาจจะเป็นการบ่งบอกว่า Trend ณ ตอนนี้มีการเปลี่ยนแนวโน้มเร็วๆนี้
หุ้นที่เป็นขาขึ้น ถ้าเกิด Doji หุ้นอาจจะมีการปรับฐานหรือเปลี่ยนเป็นขาลง ในทางกลับกันถ้าหุ้นเป็นขาลง ถ้าเกิด Doji หุ้นอาจจะมีการเด้งขึ้นบ้างหรือเปลี่ยนแนวโน้มเป็นขาขึ้น
อย่างไรก็ตาม หุ้นที่มีลักษณะไซด์เวย์ หรือวอลุ่มเบาบาง หุ้นอาจจะเกิด Doji ได้ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรและไม่ได้มีความหมายอย่างมีนัยยะสำคัญ **
รูปแบบที่ 2 : Engulfing Pattern
ที่มาภาพ : profitf.com
Engulfing Pattern หรือที่ภาษาไทยเรียกว่ารูปแบบ "กลืนกิน" เป็นรูปแบบที่มีประสิทธิภาพสูงมาก แบ่งออกได้เป็น 2 ลักษณะ คือ ..
Bullish Engulfing - กระทิงกินหมี หุ้นอาจจะเปลี่ยนแนวโน้มเป็นขาขึ้น
Bearish Engulfing - หมีกลืนกระทิง หุ้นอาจจะเปลี่ยนแนวโน้มเป็นขาลง
รูปแบบ Bullish Engulfing บ่งบอกว่ามีแรงซื้อเข้ามาและเหนือกว่าแรงขายมาก ทำให้กราฟเทียนพุ่งขึ้นอย่างโดดเด่น แรงซื้อเข้าควบคุมราคาหุ้นแทน ทำให้หุ้นมีโอกาสขึ้นต่อได้อีก ส่วน Bearish Engulfing จะให้ผลตรงกันข้าม กล่าวคือ มีแรงขายมากกว่าแรงซื้อ ทำให้หุ้นมีโอกาสลงต่อ
สำหรับรูปแบบ Engulfing ไว้สำหรับดู "จุดเปลี่ยนแนวโน้ม" มากกว่าจะมาจับจังหวะแบบจริงๆจังๆ เช่น ถ้าหุ้นตัวนั้นราคาลงมามาก อาจจะเกิด Bullish Engulfing เราสามารถตีความได้ว่า ตรงนี้อาจจะเปลี่ยนแนวโน้ม หรือมีเด้งขึ้นบ้างตามจังหวะ ตราบใดที่หุ้นนั้นไม่ได้ทำ Higher High หุ้นก็ยังอยู่ในแนวโน้มขาลงอีกเช่นเดิม
รูปแบบที่ 3 : Hammer
ที่มาภาพ : hitandruncandlesticks.com
Hammer หรือกราฟรูปแบบค้อน แสดงถึงจุดกลับตัวหลังจากที่หุ้นลงมาพอสมควร บ่งบอกว่ามีแรงซื้อกลับค่อนข้างมาก ทำให้หุ้นปิด ณ ราคาจุดสูงสุด หรือเกือบจะสูงสุด
อย่างไรก็ตามกราฟรูปแบบค้อน จำเป็นจะต้องดูแท่งเทียนต่อไปคือแท่งอะไร ถ้าเป็นแท่งสีเขียวที่ราคาพุ่งขึ้นพร้อมกับวอลุ่มก็เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า หุ้นมีโอกาสกลับตัวขึ้นไปได้
รูปแบบที่ 4 : Hanging Man
ที่มาภาพ : trendystockcharts.com
Hanging Man หรือกราฟรูปแบบคนแขวนคอ ให้ผลตรงข้ามกับรูปแบบค้อน กล่าวคือ ถึงจุดกลับตัวหลังจากที่หุ้นขึ้นมาพอสมควร หรือเป็นตลาดกระทิงมาสักระยะ บ่งบอกว่ามีแรงขายเข้ามา ทำให้หุ้นปิด ณ ราคาจุดต่ำสุด
การเกิด Hanging Man จะมีประสิทธิภาพหรือไม่ ต้องดูแท่งเทียนต่อไปว่าราคาหุ้นลงต่อจนทำจุดต่ำสุดใหม่ พร้อมวอลุ่มหรือไม่ ถ้ามีวอลุ่มพร้อมทำจุดต่ำสุดใหม่ ก็ยืนยันได้ว่าหุ้นมีโอกาสลงต่อหรืออาจจะเปลี่ยนแนวโน้มเป็นขาลง
== สรุป ==
Candlesticks Pattern มีรูปแบบจำนวนมากและซ้ำๆกัน แต่อาจจะมีชื่อเรียกที่แตกต่างกัน แล้วแต่ความถนัดของแต่ละคน เช่นบางคนเรียกว่า Hanging Man แต่บางคนอาจจะเรียกว่า Shooting Star หรือ Evening Star แต่ความหมายใกล้เคียงกัน
นักลงทุนไม่จำเป็นต้องท่องจำ เข้าใจเพียง 3-4 รูปแบบ ก็สามารถนำมาใช้ในตลาดหุ้นได้จริงๆ แต่กราฟแท่งเทียนต้องใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่นๆ เช่น วอลุ่ม ,MACD หรือแม้แต่การตี Trendline ก็เป็นเรื่องสำคัญ
สิ่งที่นักลงทุนต้องทำความเข้าใจ คือ กราฟเทคนิเคิลไม่ได้มีความแม่นยำ 100% หรือจะทำเงินได้แน่นอนจากตลาดหุ้น ทุกเครื่องมือมีโอกาส Error ได้หมด แต่สิ่งที่จะทำให้เรากำไรได้อย่างยั่งยืนหรือไม่ คือการบริหารเงินหน้าตัก หรือ Money Management นั้นเองครับ