5 หุ้นนิคมฯ เตรียมฟื้นตัวอย่างโดดเด่นไตรมาส 4/63
แม้ว่ากระทรวงพาณิชย์จะรายงานตัวเลขส่งออกดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังคงคาดการณ์ว่า GDP ปีนี้ -7.8% ใกล้เคียงกับตัวเลขคาดการณ์ของธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ที่ประเมิน GDP ไทย -8% นั่นจึงเป็นเหตุผลสำคัญที่จะทำให้รัฐบาลจะผลักดัน “มาตรการเศรษฐกิจ” ในไตรมาส 4/63 มากขึ้น
โดยนอกจากมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อแล้ว อีกมาตรการสำคัญที่จะต้องจับตาคือ การขับเคลื่อนโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC โดยเฉพาะความคืบหน้าการใช้ 5G ในพื้นที่ เพื่อดึงดูดการลงทุนทั้งจากนักลงทุนไทยและต่างชาติ
ด้วยภาวะดังกล่าว บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด จึงประเมินว่า ในไตรมาส 4/63 จะเป็นไตรมาสที่หุ้น “กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม” จะฟื้นตัวได้มากที่สุดของปี จากการขับเคลื่อนนโยบาย EEC เพราะฉะนั้น Wealthy Thai จึงรวบรวมข้อมูลหุ้นกลุ่มนี้มาฝากนักลงทุนกันอีกครั้งว่า ใน 5 หุ้นเด่น ซึ่งประกอบด้วย AMATA, AMATAV, WHA,ROJNA และ FPT เป็นอย่างไรบ้าง และหุ้นยังมีความน่าสนใจที่จะเข้าลงทุนในระยะสั้นได้หรือไม่ (ระยะยาวได้เปรียบจากการเป็นหุ้นโครงสร้างพื้นฐานอยู่แล้ว)
AMATA แบ็คล็อคสูงสุด
สำหรับทั้ง 5 หุ้นนี้ นักวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัสประเมินว่า หุ้น AMATA-FPT น่าสนใจที่สุด เนื่องจาก AMATA หรือบริษัท บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) เป็นหุ้นกลุ่มนิคมที่มี Backlog สูงที่สุด อยู่ที่ 2,160 ล้านบาท (คาดโอนบันทึกรายได้ 50-60% ในปีนี้) โดยฝ่ายวิจัยประเมินว่า AMATA มียอด Presale ในครึ่งปีหลัง 2563 ที่ 116 ไร่ แต่มีลูกค้าเจรจา 10 ราย คิดเป็นที่ดิน 600-700 ไร่ ทำให้ AMATA ยังคงเป้าหมายที่ 950 ไร่ตามเดิม สูงกว่าเป้าหมายแบบ Conservative ที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้ที่ 400 ไร่
ส่วนกำลังการผลิตโรงงานอุตสาหกรรมที่ Recover คาดว่ากลับมาที่ระดับ 60-70% จากที่เคย ลดไปอยู่ที่ 20-30% ช่วงปิดโรงงาน หนุนความต้องการใช้ไฟฟ้าน้ำ นอกจากนี้ช่วงไตรมาส 4/63 คาดมีกำไรพิศษ จากการขายเงินลงทุน 2,200 ล้านบาท ในเวียดนาม ส่วนปี 2564 แนวโน้มเติบโต 17.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว (YoY) จากเศรษฐกิจฟื้นตัว อีกทั้งนิคมฯ แห่งใหม่ในเมียนมา Yagon Amata Smart & Eco จะเริ่มมียอดขายเข้ามา
นอกจากนี้ยังมีการเติบโตระยะยาวจากการประกาศเพิ่มทุน 83 ล้านหุ้น โดยเสนอขายแบบ RO หุ้นละ 11.80 บาท (ชำระราคา 9-16 ต.ค. 2563) สำหรับนำเงินไปพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเมียนมา และนิคมอุตสาหกรรมอื่นๆ ในไทยและเวียดนาม จึงแนะนำ “ซื้อ” โดยให้ราคาเป้าหมาย 35.70 บาท
ขณะที่หุ้นเด่นอีกตัว คือ FPT หรือบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มีปัจจัยบวกจากแนวโน้มกำไตรมาส 4/63 (มิ.ย.-ก.ย.63) เติบโตก้าวกระโดด เนื่องจากที่อยู่อาศัยแนวราบได้รับประโยชน์จากพฤติกรรมของผู้ซื้อที่หันมาซื้อบ้านแฝด และทาวน์เฮ้าส์เพิ่มขึ้น อีกทั้ง GOLD สามารถกลับมาเปิดขายโครงการได้อีกครั้งรวม 8 โครงการ มูลค่ารวม 8,600 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดของปี คาดกระตุ้นยอดโอนเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (Q๐Q)
ส่วนในธุรกิจ “คลังสินค้า” เมื่อเดือนส.ค.ที่ผ่านมา FPT ได้ส่งมอบคลังสินค้าขนาดใหญ่ 70,000 ตารางเมตร (ตร.ม.) ให้กับ CRC หนุน Recurring Income เพิ่มขึ้นชัดเจน นอกจากนี้งวดไตรมาส 3/63 ยังมีกำหนดโอนทรัพย์สิน 2,900 ล้านบาท เข้ากอง FTREIT ดังนั้นในระยะสั้นนักวิเคราะห์จึงมองว่าในไตรมาส 4/63 กำไรของ FPT จะทำ All Time High ที่ 44.5% หรือประมาณ 2,580 ล้านบาท โดดเด่นกว่าหุ้นตัวอื่นในกลุ่ม จึงแนะนำซื้อ โดยให้ราคาเป้าหมาย 15.40 บาท
WHA ขายสินทรัพย์เข้ารีทส์ WHART,HREIT
ด้าน WHA หรือ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส ประเมินว่า หุ้น WHA เป็นหุ้นนิคมอุตสาหกรรมที่กำไรครึ่งปีหลังจะเติบโตก้าวกระโดดเช่นกัน โดยเฉพาะในไตรมาส 4/63 ซึ่งทางบริษัทมีแผนขายทรัพย์สินเข้ากองรีทส์ (REIT) ที่สูงถึง 4,600 ล้านบาท ซึ่งโตขึ้น 196%YOY โดยการขายทรัพย์สินเข้า REIT แบ่งเป็นการขายเข้ากอง WHART 3,200 ล้านบาท และ HREIT 1,350 ล้านบาท
นอกจากนี้ปัจจัยที่ทำให้ WHA โดดเด่นขึ้นมาจากค่าบริการน้ำและไฟที่สูงขึ้น รวมถึงรายการพิเศษที่เกิดขึ้นจากการให้สิทธิ์พิเศษ (Right of way) หรือสิทธิผ่านในการใช้ที่ดินเพื่อดำเนินการบางประเภท เช่น กรตัดถนนผ่านทาง และการก่อตั้งเสาส่งสัญญาณ 5G เป็นต้น ชดเชยธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมที่อาจอ่อนตัวลงตามมูลค่า Backlog ที่มีอยู่ประมาณ 1,100 ล้านบาท ทั้งนี้ทาง WHA ได้ปรับลดเป้า Presale นิคมฯ ในประเทศลงมาที่ 600 ไร่ และเวียดนาม 200 ไร่จากเดิม 1,400 ไร่ โดยบริษัทมั่นใจจะมีลูกค้าเซ็นสัญญาได้ 385 ไร่ภายในปีนี้
ด้าน AMATAV หรือบริษัท อมตะ วีเอ็น จำกัด (มหาชน) โดย AMATA เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่จำนวน 342,543,560 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 36.64% ประกอบธุรกิจพัฒนานิคมอุตสาหกรรม Amata City Bien Hoa ประเทศเวียดนาม ซึ่งมีรายได้จากการขายที่ดินในเขตนิคมอุตสาหกรรม เขตพาณิชยกรรมและที่อยู่อาศัย การให้บริการเช่าโรงงานสำเร็จรูป อาคารสำนักงาน และการบริการสาธารณูปโภค
ขณะที่หุ้น ROJNA หรือบริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ Covid-19 เล็กน้อย โดยเฉพาะรายได้จากการขายน้ำเพื่ออุตสาหกรรม บริการบำบัดน้ำเสียและค่าบริการส่วนกลาง สำหรับหุ้น ROJNA เป็นหุ้นนิคมอุตสาหกรรมตัวแรกๆ ที่เข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ โดยบริษัทดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ประเภทโครงการเขต/สวนอุตสาหกรรม พร้อมระบบ สาธารณูปโภคต่างๆ โดยโครงการส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่จ.อยุธยา มีพื้นที่ 13,313 ไร่ (ข้อมูล ณ สิ้นปี 62)
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก