KEX แทงสวน! หุ้นพุ่ง 3.42%

KEX แทงสวน! หุ้นพุ่ง 3.42%

แม้ Q3 พลิกขาดทุน 674 ล้านบาท

บล.ทิสโก้ ให้ “ขาย” หั่นเป้าหมายเหลือ 15 บาท

.

ราคาหุ้น KEX เปิดการซื้อขายวันนี้ (11 พ.ย.65) เปิดบวกอย่างสวยงาม โดยทำราคาสูงที่ 18.10บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 3.42% สวนผลประกอบการไตรมาส 3/65 ที่พลิกขาดทุนสุทธิ 674.64 ล้านบาท ลดลง 5,355.4% ส่งผลให้งวด 9 เดือน ขาดทุนสุทธิ 1,898.10 ล้านบาท เทียบช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 651.25 ล้านบาท สวนทางปริมาณการจัดส่งพัสดุในไตรมาส 3 ยังคงขยายตัว 5%

.

โดยบริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX รายงานผลดำเนินงานไตรมาส 3/65 พลิกขาดทุนสุทธิ 674.64 ล้านบาท ลดลง 5,355.4% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 12.83 ล้านบาท และเป็นผลขาดทุนสุทธิที่ลดลง 7.9% จากไตรมาสก่อนหน้า

.

ทั้งนี้เนื่องจากการดำเนินการควบคุมต้นทุนอย่างต่อเนื่องรวมถึงการมุ่งเน้นการเพิ่มปริมาณการจัดส่งพัสดุและประสิทธิภาพการดำเนินงาน อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงมุ่งปรับปรุงความสามารถในการทำกำไร โดยการจัดการรายได้ไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์ Smart Pricing และการประกาศใช้ Fuel Surcharge บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและการขยายฐานปริมาณพัสดุเพื่อผลประกอบการที่ดีขึ้นและบรรเทาแรงกดดันจากการปรับตัวสูงขึ้นต้นทุนการให้บริการในด้านต่างๆ

.

บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการ 4,218.6 ล้านบาท ลดลง 20.9% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าเพียงเล็กน้อย เนื่องจากชะลอตัวตามเศรษฐกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภค อย่างไรก็ตามบริษัทมีปริมาณการจัดส่งพัสดุขยายตัว 5.0% ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว แรงกดดันจากเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ตลาดเงินและตลาดทุนโลกที่ตึงตัว ตลอดจนกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง โดยงวด 9 เดือน ขาดทุนสุทธิ 1,898.10 ล้านบาท เทียบช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 651.25 ล้านบาท

.

นาย อเล็กซ์ อึ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KEX กล่าวว่า บริษัทจะยังคงมุ่งเน้นการจัดการต้นทุนอย่างเข้มงวด พร้อมทั้งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและการขยายฐานปริมาณพัสดุเพื่อผลประกอบการที่ดี ล่าสุด KEX ยังได้กำลังเสริมจาก SF ผ่านการร่วมก่อตั้งทีมงานที่มุ่งเน้นการถ่ายทอดประสบการณ์และเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน การวางแผนเครือข่าย การจัดการเส้นทางจัดส่งพัสดุ และการยกระดับเครื่องมือที่ใช้ในการคัดแยกพัสดุอัตโนมัติ

.

โดยบริษัทฯ ได้นำแนวทางปฏิบัติที่ได้รับมาปรับใช้ รวมถึงเทคนิคต่างๆ และกรณีศึกษาจาก SF ในประเทศจีน ซึ่งเป็นผู้ให้บริการจัดส่งพัสดุด่วนรายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของประเทศ บริษัทฯ คาดว่าการร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพการดำเนินงาน ผลักดันการปรับปรุงต้นทุนซึ่งจะส่งผลให้ผลประกอบการปรับตัวดีขึ้น

.

กูรูมองผลขาดทุนจากยาวไปถึงปี 66

ขณะที่จากการสำรวจ settrade.com พบว่าล่าสุดวันนี้ บล.ทิสโก้ ให้คำแนะนำ “ขาย” ราคาเป้าหมาย 15.00 บาท จากก่อนหน้านี้ที่ให้ความเห็นไว้ว่า แนะนำ“ขาย” เช่นเดียวกันแต่ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 19.50 บาท

.

ส่วนบล.กรุงศรี มีความเห็นว่า ผลประกอบการออกมาแย่กว่าที่ฝ่ายวิจัย และตลาดคาดเอาไว้ เนื่องจากรายได้ต่ำเกินคาดเพราะปริมาณการจัดส่งพัสดุต่ำกว่าที่คาดไว้ ซึ่งเกิดจากภาวะน้ำท่วม และอุปสงค์ที่ลดลงเพราะกำลังซื้อลดลงในช่วงที่เงินเฟ้อพุ่งสูงในไตรมาส 3/65 ทั้งนี้ ผลขาดทุนในงวด 9 เดือนปี 65 อยู่ที่ 1.9 พันล้านบาท ในขณะที่คาดว่าผลขาดทุนในปี 65จะอยู่ที่ 2.3 พันล้านบาท โดยมองว่าประมาณการปีนี้ยังมี downside อีก

.

ราคาหุ้นที่ร่วงลงมาแรงในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมาน่าจะสะท้อนผลการดำเนินงานที่อ่อนแอในไตรมาส 3/65 ไปแล้ว โดยยังคงคำแนะนำ ถือ ราคาเป้าหมาย 19.50 บาท ซึ่งมองว่า Upside ของประมาณการกำไรปี 2023 จะขึ้นอยู่กับความสำเร็จของโครงการลดต้นทุนของบริษัท

.

ขณะที่าดว่า KEX จะยังมีขาดทุนในไตรมาส 4/65 และต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อยตลอดปี 66 เนื่องจากการแข่งขันที่เข้มข้น ทั้งนี้ บริษัทได้จัด conference call กับนักวิเคราะห์เมื่อคืนนี้หลังส่งงบ ซึ่งแม้ว่าข้อมูลที่ได้รับจะเป็นเชิงลบ แต่ส่วนใหญ่เป็นไปตามที่เราคาดเอาไว้อยู่แล้ว บริษัทคาดว่าการพลิกฟื้นของผลประกอบการจะล่าช้าออกไปจากไตรมาส 4/65 เป็นครึ่งหลังปี 66 โดยปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ผลประกอบการพลิกฟื้นยังคงเป็นเรื่องของราคาที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเพราะคู่แข่งล้มหายตายจากไป

.

นอกจากนี้ บริษัทยังริเริ่มโครงการลดต้นทุนเพื่อหนุนผลประกอบการในอีกหกถึงเก้าเดือนข้างหน้า โดยจะเริ่มในเดือนพฤศจิกายนนี้ และยังไม่ได้ใส่ไว้ในประมาณการ อย่างไรก็ตาม ยังคงระมัดระวังกับกลยุทธ์ของบริษัทในการเพิ่มส่วนแบ่งตลาด ซึ่งอาจจะทำให้ต้นทุนการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับปริมาณการขนส่งพัสดุที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ Utilization rate ของ KEX ในไตรมาส 3/65 อยู่ที่ 70-75% ซึ่งหากขยับขึ้นไปถึงระดับ 85% ก็หมายความว่าจะต้องมีการลงทุนเพื่อเพิ่ม capacity