ห้องเม่าปีกเหล็ก

ข่าวดี และข่าวร้ายประจําวันที่ 26 พฤศจิกายน ปี พ.ศ 2561

โดย ศักดิ์
เผยแพร่ :
62 views

1) ข่าวดี :

1.1) ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกามีแนวโน้มชะลอการปรับขึ้น Fed Fund Rate ในอนาคต ( ปรับขึ้น  1 - 2 ครั้ง แทนที่จะเป็น 3  ครั้งในปีหน้าคือปี พ.ศ 2562 ) ตามนโยบายของประธานาธิบดี Donald Trump ที่ต้องการให้ดอกเบี้ย Fed Fund Rate ปรับตัวขึ้นอย่างช้าๆและอย่างค่อยเป็นค่อยไป และผลักดันให้ตลาดหุ้นยังคงอยู่ในสภาวะกระทิงต่อไป

1.2) การเลือกตั้งทั่วไปในประเทศไทยมีความชัดเจนว่าจะเป็นวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ปี พ.ศ 2562 และมีแนวโน้มชัดเจนว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีหลังจากการเลือกตั้งทั่วไป

1.3) ดอกเบี้ยนโยบายของประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 7 ปีในการประชุม กนง. ครั้งต่อไปในวันที่ 19 ธันวาคม ปี พ.ศ 2561 การปรับตัวเพิ่มขึ้นของดอกเบี้ยนโยบายของประเทศไทยจะทําให้ลดแรงกดดันของการขายของนักลงทุนต่างชาติให้น้อยลง หรือให้กลับเข้ามาซื้อหุ้นไทยในอนาคตแทน

2) ข่าวร้าย :

2.1) นักลงทุนต่างชาติยังคงขายหุ้นไทยต่อเนื่อง โดยยอดขายสะสมปียังอยู่ในจุดที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ ( นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยสะสมปีนี้คือปี พ.ศ 2561 สุทธิ -283,307.47 ล้าน บาท จนถึง ณ. วันที่ 23 พฤศจิกายน ปี พ.ศ 2561 ) สาเหตุที่นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยเนื่องมาจากความแตกต่างระหว่าง Fed Fund Rate และดอกเบี้ยนโยบายของไทยที่ต่างกันมากจนเกินไป และเป็นแรงจูงใจที่สําคัญในการเคลื่อนย้ายเงินทุนจากประเทศไทยกลับไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาที่ให้ผลตอบแทนที่มากกว่า

2.2) ราคานํ้ามันทําจุดตํ่าสุดในรอบนี้  ซึ่งจะมีผลเชิงลบต่อหุ้นในกลุ่มนํ้ามันและพลังงาน ( ราคานํ้ามัน Wti ปิดที่ 50.39 USD Per Barrel เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน ปี พ.ศ 2561 จากจุดสูงสุดในรอบนี้ที่ 76.90 USD Per Barrel เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ปี พ.ศ 2561 หรือปรับตัวลดลง ( 50.39 - 76.90 ) / 76.90 x 100 = - 34.47% ภายในระยะเวลาเดือนเศษๆ การที่ราคานํ้ามันตกตํ่าในครั้งนี้มีสาเหตุมาจากการที่ประธานาธิบดี Donald Trump ขอร้องให้ประเทศซาอุดิอาระเบียไม่ปรับลดกําลังการผลิตนํ้ามันลง

3) สรุปข้อคิดเห็นส่วนตัวของผู้โพสต์ :

3.1) ผู้โพสต์มีความคิดเห็นว่าตลาดหุ้นน่าจะกลับมาอยู่ในสภาวะกระทิงอีกครั้งหนึ่งหลังจากการปรับฐานครั้งใหญ่เนื่องจาก Fed Fund Rate ปรับตัวเพิ่มขึ้นถี่และบ่อยเกินไปในปีนี้คือปี พ.ศ 2561 ( ปรับขึ้น 4 ครั้งในปีนี้คือปี พ.ศ 2561  ) และตลาดหุ้นน่าจะอยู่ในสภาวะกระทิงต่อเนื่องยาวนานไปจนถึงปลายปี พ.ศ 2563 เนื่องจากประธานาธิบดี Donald Trump ต้องการทําให้มันดี เพื่อที่จะเป็นผลงานที่จะได้รับการเลือกตั้งให้กลับมาดํารงตําแหน่ง ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาสมัยที่สองในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน ปี พ.ศ 2563

3.2) ผู้โพสต์มีความเห็นเพิ่มเติมว่าหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างน่าจะได้รับประโยชน์โดยตรงและเต็มที่จากการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ปี พ.ศ 2561 และจากการที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา น่าจะได้รับการเลือกตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปอีก เพราะจะได้ดําเนินนโยบายโครงสร้างพื้นฐาน 3 ล้านล้าน บาท ได้อย่างต่อเนื่องไปจนถึงปลายปี พ.ศ 2563 เมื่อ 80% ของโครงการโครงสร้างพื้นฐาน 3 ล้านล้าน บาท ได้ประมูลและรู้ผลแล้ว การเป็นขาขึ้นรอบใหญ่ของหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างจึงจะสิ้นสุดลง

3.3) และ สุดท้ายผู้โพสต์มีความเห็นเพิ่มเติมอีกว่าฟองสบู่โลกน่าจะแตกในปี พ.ศ 2564 เนื่องจากปัญหาหนี้สินท่วมโลก และไม่สามารถทนแรงกดดันของสภาวะดอกเบี้ยที่สูงๆได้

อย่างไรก็ตาม ความคิดเห็นดังกล่าวข้างต้นเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้โพสต์เอง และไม่สามารถรับประกันความถูกต้องได้

หมายเหตุ : โปรดติดตามรายละเอียดการลงทุนใน สภาวะตลาดกระทิง และ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างขาขึ้นรอบใหญ่ ได้ใน longtunbysak.blogspot.com 


ศักดิ์