BGRIM : แนวโน้มที่สดใสขึ้นรออยู่

BGRIM : แนวโน้มที่สดใสขึ้นรออยู่

เราคาดว่า BGRIM จะรายงานงบการเงินในวันที่ 29 ก.พ. โดยมีกำไรสุทธิไตรมาส 4/2566 อยู่ที่ 422 ลบ. เพิ่มขึ้นจากที่ขาดทุนในไตรมาส 4/2565 หากไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่คาดไว้จากการแข็งค่าของเงินบาท คาดว่ากำไรปกติไตรมาส 4/2566 จะอยู่ที่ 372 ลบ. เพิ่มขึ้น 121% YoY แต่ลดลง 41% QoQ การเติบโต YoY มีสาเหตุหลักมาจากการฟื้นตัวของอัตรากำไรอย่างมีนัยสำคัญของโรงไฟฟ้าเอกชนขนาดเล็ก (SPP) และกำลังการผลิตไฟฟ้าที่สูงขึ้น (+196 MWe) จากการเริ่มดำเนินงานเชิงพาณิชย์ (COD) ของโรงไฟฟ้า SPP แห่งที่ 2 (BGPAT 2 และ 3) ของบริษัทฯ ในเดือนต.ค.-ธ.ค. 2566 คาดราคาก๊าซ SPP ทรงตัว QoQ ที่ 321 บาท/MMBtu

คาดอัตรากำไรของกลุ่มผู้ใช้ภาคอุตสาหกรรม จะอยู่ในระดับที่เหมาะสม Spark Spread (ส่วนต่างระหว่างค่าไฟฟ้าเทียบกับราคาก๊าซ) ของกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมในไตรมาส 4/2566 คาดว่าจะอยู่ที่ 1.13 บาท/kWh เทียบกับ 0.79 บาท/kWh ในไตรมาส 4/2565 และ 1.55 บาท/kWh ในไตรมาส 3/2566 โดยค่าปกติในอดีตระหว่างปี 2559-2564 อยู่ระหว่าง 1.1-1.3 บาท/kWh แต่ลดลงเหลือ 0.1 บาท/kWh ในปี 2565 เนื่องจากค่า Ft และราคาก๊าซไม่สอดคล้องกัน

เราคาดว่ากำไรของ BGRIM จะฟื้นตัวในปี 2567-2568 โดยคาดกำไรเติบโต 36% YoY ในปี 2567 เป็น 2.5 พันลบ. จากสถานการณ์ปัจจุบันที่ราคา LNG ที่ลดลงเป็น 9.5 ดอลลาร์สหรัฐฯ/MMBtu จาก 15-16 ดอลลาร์สหรัฐฯ/MMBtu ในไตรมาส 4/2566 ประกอบกับการผลิตก๊าซในประเทศที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในไตรมาส 2/2567 บ่งชี้ว่าราคาก๊าซในปี 2567 จะลดลงอย่างมาก และด้วยรายได้ 25% มาจากการขายไฟฟ้าให้ผู้ใช้ภาคอุตสาหกรรม (IU) BGRIM จะได้ประโยชน์จาก Spark Spread ที่เพิ่มขึ้นตามราคาก๊าซที่ลดลงมากกว่าค่า Ft นอกจากนี้การรับรู้รายได้เต็มปีของโรงไฟฟ้า 2 แห่งที่ COD เมื่อเร็ว ๆ นี้ ซึ่งเพิ่มกำลังการผลิต 8% จะช่วยหนุนกำไรเช่นกัน

ปรับประมาณการกำไร เราปรับลดประมาณกำไรสุทธิปี 2566 ลง 6% เป็น 1.84 พันลบ.จาก 1.96 พันลบ.เพื่อให้สอดคล้องกับประมาณการไตรมาส 4/2566 ล่าสุดของเรา อย่างไรก็ตาม เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2567-68 ขึ้น 31%/9% เป็น 2.52 พันลบ./3.05 พันลบ. จาก 1.91 พันลบ./2.81 พันลบ.

มุมมอง KS

แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 34.50 บาท จาก 1.76 บาท เพื่อสะท้อนถึงการปรับเพิ่มกำไรจากคาดอัตรากำไรของกลุ่มผู้ใช้ภาคอุตสาหกรรมที่สูงขึ้น