ถ้านักลงทุนสังเกตปริมาณการซื้อขายช่วงนี้ น่าจะอยู่ในระดับ "เบาบาง"
แต่สิ่งหนึ่งที่ดูน่าสนใจ คือ ปริมาณการซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติ ....
วันที่ 10 สิงหาคม นักลงทุนต่างชาติ "ซื้อสุทธิ" 3.61 พันล้านบาท
วันที่ 11 สิงหาคม นักลงทุนต่างชาติ "ซื้อสุทธิ" 3.13 พันล้านบาท
วันที่ 15 สิงหาคม นักลงทุนต่างชาติ "ซื้อสุทธิ" 5.77 พันล้านบาท
วันที่ 16 สิงหาคม นักลงทุนต่างชาติ "ซื้อสุทธิ" 5.01 พันล้านบาท
วันที่ 17 สิงหาคม นักลงทุนต่างชาติ "ซื้อสุทธิ" 5.70 พันล้านบาท
ซึ่ง 5 วันย้อนหลังการเปิดตลาด นักลงทุนต่างชาติซื้อไปแล้วกว่า 23.22 พันล้านบาท ...
ทำไมถึงเป็นแบบนั้น ... ?
ถ้าเรามองหาเหตุผล น่าจะประกอบไปด้วย 3 เหตุผลด้วยกันคือ
1. เศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงฟื้นตัว
2. กำไรของบริษัทจดทะเบียนทำ All Time High
3. เงินบาทกลับมาแข็งค่า เป็นสัญญาณของ Flow ไหลเข้า
แต่สาเหตุหลักจริงๆที่จูงใจให้ต่างชาติเข้ามา คือ การถือครองหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติ ยังอยู่ในระดับต่ำ
จากข้อมูลในอดีตพบว่า ในปี 2556 นักลงทุนต่างชาติถือหุ้นไทยทั้งถือหุ้นทางตรง และถือผ่าน NVDR รวมกันสูงถึง 35.66%
ในขณะที่ค่าเฉลี่ยการถือครองอยู่ที่ 32%
... แต่ในปัจจุบัน การถือหุ้นของต่างชาติ คิดเป็นสัดส่วนราวๆ 27.19% เท่านั้น
เท่ากับว่า นักลงทุนต่างชาติยังถือครองหุ้นไทยในสัดส่วนต่ำเมื่อเทียบกับในอดีต
จึงไม่แปลกใจ ถ้าเราจะเห็นการเข้ามาถือหุ้นของนักลงทุนต่างชาติมากขึ้น นั้นเอง

สัดส่วนการถือหุ้นของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทย
Source : บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส
นอกจากนี้เศรษฐกิจโลกยังมีปัจจัยเชิงบวกหนุน Sentiment ตลาดหุ้นไทยให้ขึ้นต่อได้ จาก 2 เรื่อง คือ
1. เมื่อคืนที่ผ่านมา ทาง FED เริ่มมีการส่งสัญญาณการชะลอขึ้นดอกเบี้ย จากหลายตัวเลขของเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มดีขึ้น การดันทุรังขึ้นดอกเบี้ยต่ำอาจจะทำให้ GDP ของอเมริกาติดลบต่อได้
ซึ่งการชะลอการลดดอกเบี้ย จะเป็นประโยชน์ต่อตลาดหุ้นไทย
2. เศรษฐกิจทางฝั่งยุโรป มีแนวโน้มจะเกิด Recession ทำให้ตลาดหุ้นทางฝั่งเอเชียดูมีเสน่ห์มากขึ้น
ทุกสิ่งล้วนแต่เป็นปัจจัยบวกต่อ Sentiment ทางการลงทุน
แต่ประเด็นที่น่าจับตามากที่สุด คือการซื้อของนักลงทุนต่างชาติ
โดยเฉพาะการถือครอง ที่ตอนนี้ดูต่ำกว่าปกติ
มีแนวโน้มว่านักลงทุนต่างชาติจะกลับมาซื้อหุ้นไทย เพื่อคงสัดส่วนอยู่ราวๆ 32%