ห้องเม่าปีกเหล็ก

3 หุ้นใหญ่โรงไฟฟ้า ราคาดิ่งเหว

โดย Forest
เผยแพร่ :
242 views

3 หุ้นใหญ่โรงไฟฟ้า ราคาดิ่งเหว

มาร์เก็ตแคปวูบ 1.7 แสนล้าน ในรอบ 4 เดือน

.

ในช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นของ 3 บริษัทยักษ์ใหญ่กลุ่มโรงไฟฟ้าปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยกดดันทางการเมือง ที่มีแผนปรับลดค่าครองชีพของประชาชน อย่าง “ลดค่าไฟฟ้า” ทำให้ทั้ง GULF, GPSC และ BGRIM ได้รับผลกระทบในเชิงลบไปด้วย ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงในช่วงที่ผ่านมา

.

โดยหากย้อนกลับไปสำรวจราคาหุ้นนับจากวันศุกร์ที่ 12 พ.ค.66 (ซึ่งฐานของราคาหุ้นภายหลังเลือกตั้ง) จนถึงปัจจุบัน (26 ก.ย.66 ) ตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง นำโดย GPSC ราคาหุ้นปรับลดลง 29.8% ตามด้วย BGRIM ราคาหุ้นปรับลดลง 24.53% และ GULF ราคาหุ้นปรับลดลง 16.19% เมื่อเทียบกับราคาปิดของวันที่ 12 พ.ค.66

.

ทั้งนี้เป็นเหตุทำให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ในช่วงเวลาดังกล่าว ปรับตัวลดลงรวมกันมูลค่าสูงถึง 1.7 แสนล้านบาท นำโดย GULF ปรับตัวลดลง 99,731.77 ล้านบาท ตามด้วย GPSC ลดลง 50,755.13 ล้านบาท และ BGRIM ลดลงประมาณ 24,765.55 ล้านบาท

.

สำหรับปัจจัยกดดันหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าในช่วงที่ผ่านมา คงหนีไม่พ้นเรื่องการปรับลดลงค่าไฟฟ้าของรัฐบาล แต่อย่างไรก็ตามหากมองไปข้างหน้าของทั้ง 3 หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า กลุ่มโรงไฟฟ้า จากมติที่ประชุมครม.ที่อนุมัติการปรับลดราคาค่าไฟฟ้าในช่วงเดือน ก.ย. - ธ.ค. 66 เป็น 3.99 บาท ซึ่งหมายถึงค่า Ft ที่ 0.21 บาท ลดลงจากค่า Ft ที่ประกาศอย่างเป็นทางการครั้งล่าสุดที่ 0.6686 บาท ในเดือน ก.ค. 66

.

โดยทำให้ฝ่ายวิจัยปรับสมมติฐานราคาค่าก๊าซและ Ft ใหม่ โดยคาดราคาก๊าซปี 66-68 จะอยู่ที่ 405/370/330 บาท/ล้านบีทียู (เทียบกับ 439/390/370 บาท/ล้านนบีทียู ก่อนหน้า) และคาดว่าค่า Ft ปี 66-68 จะอยู่ที่ 0.89/0.21/0.10 บาท (เทียบกับ 0.89/0.79/0.69 บาท ก่อนหน้า) ตามลำดับ

.

อีกทั้งเชื่อว่าค่า Ft ในเดือน ก.ย. - ธ.ค.66 จะไม่เปลี่ยนแปลงอีกจนกว่าสิ้นปี 67 โดย GULF เป็นหุ้น Top BUY ของกลุ่มไฟฟ้า ส่วน BGRIM และ GPSC ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้า SPP คาดกำไรจะเข้าสู่ปกติในปี 68

.

สำหรับ GULF แม้ค่า Ft งวดเดือน ก.ย. - ธ.ค.66 จะลดลง แต่คาดกำไรครึ่งหลังของปี 66 จะเพิ่มขึ้น 43% จากครึ่งปีแรกเนื่องจากโรงไฟฟ้า GPD (IPP, 662 MW) เริ่มจ่ายไฟระยะที่ 2 ในเดือน ต.ค. นี้ และส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นจากฤดูกาลที่ดีของโรงไฟฟ้าพลังลม และ PTT NGD ที่มีต้นทุนก๊าซลดลง

.

อย่างไรก็ดีปรับลดประมาณการกำไรปี 67-68 ลง 5% หลังปรับใช้สมมติฐานค่าไฟใหม่ เชื่อว่า GULF เป็นหุ้นโรงไฟฟ้าที่มีความยืดหยุ่นสูงจากพอร์ตที่มีการกระจายความเสี่ยง รายได้กว่า 70% มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับกฟผ.ปรับใช้ราคาเป้าหมายที่ 54 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

.

ส่วน GPSC แม้ฝ่ายวิจัยปรับลดประมาณการกำไรปี 66 ลง 13% ปี 67 ลง 15% และปี 68 ลง 11% เพื่อสะท้อนสมมติฐานราคาก๊าซและค่า Ft ใหม่ แต่ยังคาดกำไรปี 66 เติบโต 39% ปี 67 เติบโต 28% และปี 68 เติบโต 39%

.

ทั้งนี้ จากราคาเชื้อเพลิงที่ลดลง ส่วนแบ่งกำไรที่สูงขึ้นจาก AEPL โรงไฟฟ้าพลังลมในไต้หวัน CFXD กำหนดจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบในไตรมาส 1/67 และประสิทธิภาพของโรงไฟฟ้าที่ดีขึ้นจาก Glow SPP ระยะที่ 5 และโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่อย่าง GHECO-One ให้ราคาเป้าหมาย 59 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

.

ขณะที่ BGRIM ฝ่ายวิจัยปรับลดประมาณการกำไรปี 66 ลง 14% ปี 67 ลง 27% และปี 68 ลง 3% เพื่อสะท้อนสมมติฐานค่า Ft และราคาก๊าซใหม่ แต่เชื่อว่ากำไรของโรงไฟฟ้า SPP จะเริ่มกลับเป็นปกติตั้งแต่ปี 68 จากแรงกดดันจากการแทรกแซงค่า Ft ของรัฐบาลที่น่าจะลดลงหลังราคาก๊าซกลับสู่ระดับปกติ

.

อีกทั้งจากมูลหนี้มีดอกเบี้ยจำนวนมากที่กฟผ. กำลังรับภาระอยู่และคณะกรรมการกิจการพลังงานน่าจะมีความยืดหยุ่นเพิ่มในการเพิ่มค่า AF (Accumulate factor) เพื่อคืนเงินให้แก่กฟผ. ซึ่งคิดว่าปัจจัยดังกล่าวจะช่วยจำกัด Downside ของค่า Ft จึงปรับใช้ราคาเป้าหมายที่ 37 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

 

 


Forest