ที่มา Money channel
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
ต้องยอมรับว่า หุ้นกลุ่มโรงพยาบาล ถือเป็นหุ้นที่ได้รับความนิยมจากนักลงทุนทุกกลุ่ม ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา เพราะนอกจากจะเป็นหุ้นปลอดภัย (Defensive Stock) หรือหุ้นที่มีความมั่นคง มีรายได้แน่นอน จ่ายปันผลสม่ำเสมอ และแทบไม่ได้รับผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นขาขึ้นหรือขาลง แล้ว ยังกลายเป็นหุ้นเติบโต (Growth Stock) เมื่อรายได้และกำไร มีพัฒนาการที่ดีขึ้นเป็นลำดับ สอดรับกับกระแสใส่ใจเรื่องสุขภาพที่เบ่งบานเรื่อยๆ หนุนด้วยอานิสงส์จากแนวนโยบายประกันสุขภาพของภาครัฐ ตลอดจนนโยบายในการส่งต่อผู้ป่วยจากต่างประเทศมารักษาในไทย เพราะมีคุณภาพมีมาตรฐานสูงแถมยังราคาถูก
ยิ่งสังคมไทยก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ โรคมีความซับซ้อนมากขึ้นทำให้ค่ารักษาพยาบาลปรับตัวขึ้นทุกปี ตลอดจนไทยมีความพร้อมในการเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ในภูมิภาค ทำให้นักลงทุนเริ่มให้ premium หุ้นกลุ่มนี้ จนระดับราคาปรับขึ้นอย่างร้อนแรง จน P/E พุ่งจาก 20 เท่า เป็น 40 เท่า ในช่วง 3-4 ปีนี้ โดยหุ้นที่ได้รับความนิยมสูงสุดจะเป็นหุ้นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ นำโดยกรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) และบำรุงราษฎร์ (BH)
แต่หลังจากที่ผลดำเนินงานไตรมาสสุดท้ายปีที่แล้วของหุ้นนำตลาดทั้งสองตัวนี้ ชะลอตัวจากไตรมาสก่อนหน้า ทั้งที่เป็นช่วง High Season ของธุรกิจ และไม่มีพัฒนาการเชิงบวกในไตรมาสแรกปีนี้ เริ่มมีแรงขายหุ้นกระจายตัวออกมา จนขยายวงไปถึงหุ้นทั้งกลุ่มโรงพยาบาล ส่งผลให้หุ้นปรับฐานไม่น้อยกว่า 15% และหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลถูกลดน้ำหนักการลงทุนลงจาก Overweight เป็น Neutral หรือ Underweight
ชะลอลงทุนหุ้นโรงพยาบาลขนาดใหญ่
สำหรับเหตุผลที่ทำให้หุ้น Top Pick ช่วงก่อนหน้านี้ทั้ง BDMS และ BH น่าสนใจ ลดลง เกิดจากทั้งสองโรงพยาบาลได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของผู้ป่วยต่างชาติ โดยเฉพาะจากตะวันออกกลาง กดดันให้รายได้ลดลง และฉุดให้ผลดำเนินงานมีแนวโน้มขยายตัวในอัตราต่ำ
อ่านต่อที่นี้ : หุ้นโรงพยาบาล กำลังป่วยจริงหรือ