5 เรื่องต้องรู้เปิดประตูตลาด 19 สิงหาคม 2562
:Good bye Adam Smith ความลับตลาดหุ้น หลังจากอดัม สมิธตายแล้ว
เรื่องแรก หลังจากหุ้นไทยร่วงลงมาหนัก4สัปดาห์ติดต่อกัน จาก1748ลงไปหลุด1600ในสัปดาห์ก่อน ต่ำสุด1590จุด แล้วฟื้นมาปิดทื่1631จุด
ตลาดหุ้นในภาพใหญ่จะฟื้นกลับขึ้นไปเขต1680จุด หรืออาจจะ1710-1730 กรณีดีที่สุดคือเขต1750+/- ในภาพที่เรียกว่าหัวบ่าหงาย(Head&shoiulders bottom)
เรื่องที่2 โดยที่การฟื้นตัวขึ้นที่ว่านี้ จะทำฐานยกสูงขึ้นมาเป็นเขต1623/1613จุด แนวต้านหรือด่านต่างๆที่จะฟื้นขึ้นย่อยๆมีดังต่อไปนี้
ด่านแรก คือแถวๆ1645-1650จุด ก็พิจารณาได้2ทางคือ กรณีอ่อนแอ และเพราะจิตวิทยาฝูงเปราะบางก็เลยขึ้นมาได้ไม่เกินแถวนี้แล้วลง(คือรีบาวนด์มาแค่นี้) หรือในที่สุดก็ขึ้นผ่านเขต1650นี้ เพื่อขึ้นด่านถัดไป
หากพิจารณาจากทางเทคนิคนั้นเป็นไปได้มากกว่าที่จะผ่าน เนื่องจากแรงโมเมนตั้มฝั่งซื้อมากกว่าฝั่งขาย เครื่องมือชี้วัดบ่งไปในทางว่าเพิ่งจะเกิดสัญญาณการกลับตัว และสัญญาณนี้จะหนุนให้ตลาดหุ้นฟื้นตัวไปได้ราว1เดือนนับจากตอนนี้
ซึ่งหากผ่านก็จะไปด่านสองคือ1675+/-
ด่านสามคือ1685-1695จุด ซึ่งเป็นบริเวณที่รอบล่าสุดตลาดได้เปิดGapโดดลงมา และทำรูปแบบราคาIsolate island(จริงๆแล้ว เหตุจากรูปแบบที่ว่านั้นได้ก่อผลไปเรียบร้อยแล้วนะครับ คือทำให้SETร่วงลงไป1590ในสัปดาห์ที่ผ่านมา) แต่อย่างไรก็ตามตลาดจะเผชิืญแรงขายในบริเวณนี้ได้มากในช่วงวกกลับขึ้นไปนี้
ด่านใหญ่ หากตลาดวกขึ้นไปในรูปทรงหัวบ่าหงาย จะมีโอกาสผ่านเขตนี้ขึ้นไปตั้งแต่1710/1730 หรือบริเวณneckline1750+/-
สรุปคือ-มีด่านที่สำคัญด่านแรกให้ลุ้นคือ1650 และด่าน1685-1695จุด ตลาดอาจฟื้นกลับไปราว1เดือนโดยประมาณ
เรื่องที่3 จิตวิทยาของฝูงชนยังเปราะบางขาดความเชื่อมั่น เนื่องจากข่าวร้ายปัจจัยลบมีมาก และจิตวิทยาฝูง(Herd Investing)ขาดความเชื่อมั่น ข่าวลบที่เข้ามากระทบเป็นระยะจะกดดันให้เทรดเดอร์หาจังหวะขายหุ้นออกเพื่อเอาทุน หรือยอมขาดทุนให้น้อย เพราะขยาดว่าตลาดขาลงนั้นยังไม่สิ้นสุด
อย่างไรก็ดีในมุมมองของผมนั้น ตลาดเที่ยวนี้ได้ลงมาcompleteแล้ว คือฟอร์มบ่าขวาไปเรียบร้อยแล้ว ก็จะฟื่้นกลับขึ้นไป
ปัจจัยร้ายข่าวลบนี้ก็เรื่องเดิมๆคือ สงครามการค้าอเมริกาVSจีน ความวิตกเรื่องภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย(Recession fear) การเมืองในประเทศที่รัฐบาลมีเสถียรภาพไม่มั่นคง ผลดำเนินงานของบมจ.ที่อ่อนตัวลงจากสงครามการค้า และเรื่องFED รวมทั้งการขายของต่างชาติในตลาดหุ้น
ขณะเดียวกันด้านกลับเรื่องพวกนี้ เวลาคลี่คลายกลายบวก ก็จะเป็นปัจจัยบวกให้ตลาด
ปรอทวัดอุณหภูมิสำคัญให้ดูดาวโจนส์ หากมันยังเป็นเพียงCorrection(ปรับฐานเพื่อจะขึ้นต่อ) ไม่ใช่พังฐานและตกโลกถล่มพินาศ(Recession)ดังที่ผมได้กล่าวไปก่อนนี้ คือลงมาแค่25400 หรือ24700หรือแย่สุด24000แลเ้วก็ฟื้นกลับไป27500 แสดงว่าตลาดมันจะเอาชนะฝูงชนอีกรอบ คือทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับฝูงกลัว คือขึ้นไปแล้วทำall time highขึ้นไป30000+/- และหุ้นไทยจะไปฟื้นตัวตาม(ในเวลานั้นปัจจัยร้ายทั้งหลายก็จะกลายเป็นข่าวดีกันไปหมด)
สถิติตลาดหุ้นอเมริกานับจากปี1883มาถึงเลือกตั้งล่าสุด2016ชี้ไปในทางที่ว่า ตลาดหุ้นอเมริกาจะขึ้นได้ดีราว1ปีก่อนการเลือกตั้งใหญ่ สำหรับการเลือกตั้งใหญ่หนหน้า อยู่ในเดือนพฤศจิกายนปีหน้า...หนทางที่ทรัมพ์จะครองบัลลังก์สมัย2คือ อย่าเพิ่งปล่อยให้ฟองสบู่โลกแตก(แต่การตบๆจูบๆให้ตลาดมีCorretionเป็นระยะ เป็นการลดภาวะฟองสบู่ และปรับสมดุลไปในตัว)
เรื่องที่4 แล้วเราต้องทำอย่างไรกับพอร์ต?
ในตลาดหุ้นนั้นมีเรื่องสำคัญที่ต้องรู้อยู่3-4เรื่องคือ เรื่องแรกปัจจัยพื้นฐานข้อมูลข่าวสาร เรื่องที่สองคือจังหวะเวลาในการเข้าออก เรื่องที่สามคือการบริหารจัดการพอร์ตลงทุน เรื่องที่สี่คือจิตวิทยาฝูงและจิตวิทยาของเราเอง
ตำราเศรษฐศาสตร์ที่อดัม สมิธเขียนไว้300กว่าปีก่อนนั้นบอกว่ามนุษย์เราเป็นRational Manคือตัดสินใจในเรื่องกิจกรรมด้านเศรษฐกิจด้วยเหตุผลและคำนึงถึงอรรถประโยชน์เป็นหลัก(คือดูพื้นฐาน ดูจังหวะเวลาเข้าออก การจัดการพอร์ตแบบมืออาชีพ)
อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าตำราคลาสสิกของอดัม สมิธได้ตายไปแล้ว
แต่ในรายงานวิจัยในระยะหลังที่ได้โนเบลเศรษฐศาสตร์จำนวนมากชี้ว่า คนในตลาดหุ้นนั้นเป็นIrrational Manคือตัดสินใจในที่สุดด้วยปัจจัยทางจิตวิทยาฝูง(Herd investing) คือแห่ตามๆกันไป โดยมีแรงขับสำคัญคือ ความโลภกับความกลัว(Greed&Fear)
ดัชนี Fear & Greed Index ที่รายงานโดยCNNล่าสุดชี้ว่า ณ ล่าสุด ฝูงในตลาดอยู่ในสภาพขิตวิทยาฝูงที่กลัวสุดขีด(Extreme fear) ดังนั้นตลาดหุ้นเวลานี้มีแรงขับจากความกลัวเป็นหลัก หากฟื้นขึ้นก็มีแนวโน้มว่าฝูงชนจะนำหุ้นมาขายออกเพื่อรักษาทุนหรือคืนทุน โดยกลัวว่ามันจะตกไปใหม่
แต่มีคำกล่าวอมตะว่า"ฝูงชนคนส่วนใหญ่ในตลาดหุ้นไม่เคยถูก มีเพียงส่วนน้อยที่เป็นพวกสวนทางที่ถูกและรวยมั่งคั่งจากตลาด"
คำแนะนำจึงกลับไปที่ประโยคอมตะของเจ้าพ่อตลาดหุ้นวอร์เรน บัฟเฟตต์ว่า"จงกล้าในเวลาที่คนส่วนใหญ่กลัว และจงกลัวในเวลาที่ฝูงชนส่วนใหญ่กำลังกล้าชนิดลืมตาย"
เรื่องที่5 แล้วถ้าถ้าหุ้นเที่ยวนี้ลงมาสุดขีดแล้ว หุ้นอะไรที่ท่านควรเลือก?
1.บลูชิพที่ลงมาBottom lineแล้ว SCC แถว400-410 เพราะหากท่านถือได้ซัก1-2ปีมันจะกลับขึ้นไป500-550/PTTแถวๆ41-42บาท ในระยะเป็นปีมันจะกลับไป60หรือเกินนั้น
2.หุ้นรอบวัฏจักร ผมชอบXXXที่ลงมาใกล้bottom line แถวๆ50-48.50 หากมีเวลาซัก2ปีครึ่ง อาจจะหวังว่ามันขึ้นไป110บาท
ถ้าหุ้นCycleตัวเล็กๆผมชอบหุ้นขนส่งทางเรือที่ซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีอยู่เกือบเท่าตัว ขณะที่ค่าระวางเรือทะยานขึ้น กำไรครึ่งปีหบังจะดี หากมีเวลาซัก3ถึง6เดือน หุ้นแบบxxx xxy yyyน่าสนใจ
3.หุ้นTurnaroundที่จะกลับมามีกำไรที่โดดเด่น หลังจากที่แย่มาหลายปี ที่ผ่านมามันขึ้นไปเยอะ ตอนนี้มันตกตามตลาดมา พวกนี้น่าสนใจสำหรับการเก็งกำไรซัก1-2ปีข้างหน้าคือ XXYY XYYY
4.หุ้นDefensiveที่มั่นคงแข็งแกร่ง แต่ผมชอบที่สุดที่ว่ามันกำลังจะgrowthอย่างก้าวกระโดดคือYYX(กำลังผลิตไฟฟ้าจาก6000เมก จะเพิ่มเป็น10000เมกใน4ปีข้างหน้า มูลค่ากิจการจะเพิ่มจากแสนล้าน เป็น2แสนล้านใน4ปีข้างหน้า) ถ้าท่านใดชอบแนวยาวๆ ดีๆ มีสตอรี่ นี่คือหุ้นที่ท่านกำลังมองหา
โชคดีมีกำไรปลอดภัยในการลงทุนครับ
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก
FB หุ้นเด่นByณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุนต้นธารคอร์ป