พี่ี่่หรั่งมีแต่ ขายกับขาย

นักลงทุนต่างชาติตั้งหน้าตั้งตาขายหุ้นไทยแบบไม่บันยะบันยัง เรียกได้ว่าพอ " Set Index " จะลืมตาอ้าปากหรือโงหัวขึ้นมาได้บ้าง ก็โดนนักลงทุนต่างชาติขายทุบลงไปอีก โดยในวันนี้ วันที่ 18 ตุลาคม ปี พ.ศ 2561 นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยอีกเป็นจํานวน -3,149.05 ล้าน บาท และนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยสะสมทั้งปีนี้คือปี พ.ศ 2561 เป็นจํานวนทั้งสิ้น -252,353.74 ล้าน บาท

สาเหตุหลักที่นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยอย่างหนักหนาสาหัสก็เป็นเรื่องเดิมๆคือเป็นเพราะดอกเบี้ยนโยบายของไทยยังอยู่ที่ 1.50% ส่วน Fed Fund Rate อยู่ที่ 2.25% ซึ่งต่างกันอยู่ 0.75% และในส่วนของ Fed Fund Rate นั้นโอกาสที่จะปรับไปเป็น 2.50% ในช่วงปลายปีนี้มีสูงมากเพราะเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกากําลังดีวันดีคืน ส่วนประเทศไทยนั้นเห็นผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านในเมืองเราบอกว่าเศรษฐกิจไทยก็กําลังจะดีวันดีคืนเหมือนกัน แต่ทําไมท่านไม่คิดที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในช่วงปลายนี้ก็ไม่ทราบเหมือนกัน? หรือว่าท่านจะรอให้นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยจนเกลี้ยงแบบล้างพอร์ตไปเลยหรือยังไง? ครับท่าน? ท่านจึงจะมาคิดเรื่องการปรับขึ้นของดอกเบี้ยนโยบายกัน?

ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ฉบับวันที่ 6 กรกฎาคม ปี พ.ศ 2561นั้น แสดงให้เห็นว่านักลงทุนต่างชาติถือครองหุ้นไทยจํานวนทั้งสิ้น 5,216,752 ล้าน บาท ณ. เดือน พฤษภาคม ปี พ.ศ 2561 ( หรือคิดเป็น 30.98% ของทั้งตลาดโดยรวม ) เพราะฉะนั้นต่างชาติได้ขายสะสมหุ้นไทยในปีนี้คือปี พ.ศ 2561ออกไปเพียง 252,353.74 ล้าน บาท / 5,216,752 ล้าน บาท = 4.84% เท่านั้นเอง และนักลงทุนต่างชาติยังเหลือหุ้นไทยที่เขาจะขายได้อีกเป็นจํานวนมากเลยนะคร๊าบ พี่น้อง! ถ้าเขาอยากจะขาย โดยมีจํานวนที่เหลืออยู่คือ 5,216572 - 252,353.74 = 4,964,218.26 ล้าน บาท หรือ 100% - 4.84% = 95.16% 

อย่างไรก็ตาม ในเมื่อเราๆท่านๆในฐานะนักลงทุนไม่สามารถจะทําอะไรได้กับการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของไทยเพราะเป็นเรื่องที่กําหนดมาจาก กนง. เพราะฉะนั้น เราๆท่านๆในฐานะนักลงทุนจึงควรหลีกเลี่ยงหุ้นตัวใหญ่หรือหุ้นบลูชิพ ซึ่งเป็นเป้าหมายการขายของต่างชาติ แล้วหันมาลงทุนในหุ้นวัฏจักรรับเหมาก่อสร้างตามโครงการโครงสร้างพื้นฐาน 3 ล้านล้าน บาทของรัฐบาล คสช. และ ไม่ได้เป็นเป้าหมายการขายของนักลงทุนต่างชาติแทนก็น่าจะดีนะคร๊าบ พี่น้อง!

หมายเหตุ  : 1) ที่มาจาก ( www.set.or.th )

                  2) โปรดติดตามรายละเอียดการลงทุนใน สภาวะตลาดกระทิง และ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างขาขึ้นรอบใหญ่ได้ใน longtunbysak.blogspot.com