จีนเพิ่มงบกลาโหม สวนทางเศรษฐกิจซบ
โลกต้องจับตา เมื่อปักกิ่งเลือก "พร้อมรบ" แทน "ฟื้นตัว"
ในขณะที่เศรษฐกิจจีนยังเติบโตช้ากว่าความคาดหวัง รัฐบาลกลางกลับเดินหน้าประกาศเพิ่มงบประมาณกลาโหมขึ้นอีก 7.2% ในปี 2025 คิดเป็นมูลค่ากว่า 1.78 ล้านล้านหยวน หรือราว 245,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ตัวเลขนี้อาจดูไม่แปลกหากเศรษฐกิจจีนโตแรงเหมือนในอดีต
แต่ปีนี้รัฐบาลกลับตั้งเป้า GDP ไว้แค่ 5% เท่านั้น
สะท้อนว่า “ความมั่นคง” อาจกลายเป็นเป้าหมายที่สำคัญยิ่งกว่า “การเติบโตทางเศรษฐกิจ”
เมื่อภัยจากภายนอกสำคัญกว่าเศรษฐกิจภายใน

จีนอธิบายการเพิ่มงบนี้ว่า เป็นการตอบสนองต่อ “สภาพแวดล้อมด้านความมั่นคงที่ซับซ้อนที่สุดในประวัติศาสตร์” โดยเฉพาะความตึงเครียดกับสหรัฐฯ ปัญหาไต้หวัน ทะเลจีนใต้ และการเผชิญหน้ากับพันธมิตรตะวันตก
งบส่วนใหญ่จะถูกนำไปใช้พัฒนาเทคโนโลยีการทหาร
ทั้งขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง เครื่องบินรบสเตลท์ โดรน ยานใต้น้ำไร้คนขับ
และที่น่าจับตาคือการเสริมศักยภาพ “อาวุธนิวเคลียร์” และ “สงครามไซเบอร์”
นอกจากนี้ จีนยังคงเป้าหมายระยะยาวเดิมคือ
สร้างกองทัพ “ระดับโลก” ให้เสร็จภายในปี 2027
ทันวันครบรอบ 100 ปี กองทัพปลดแอกประชาชน
ประโยคเดียวที่สะเทือนทั้งไต้หวัน
อีกหนึ่งสัญญาณที่น่ากังวลคือ ในเอกสารงบประมาณปีนี้
จีนได้ตัดคำว่า “การรวมชาติอย่างสันติ” ออกไป
เหลือเพียงคำว่า “การรวมชาติ” สั้น ๆ และตรงไปตรงมา
นั่นทำให้นักวิเคราะห์เชื่อว่า ปักกิ่งพร้อมใช้ “ทุกวิธีทาง”
หากวันหนึ่งต้องเผชิญหน้ากับไต้หวันจริง ๆ
เพื่อนบ้านต้องขยับตาม
เมื่อจีนเริ่มเดินหน้า ญี่ปุ่นก็เร่งพัฒนาอาวุธโจมตีระยะไกล
ไต้หวันลงทุนในระบบป้องกันภัยทางอากาศและโดรน
สหรัฐฯ ก็ขยับกำลังในอินโดแปซิฟิกเพื่อคานอำนาจ
ภูมิภาคเอเชียตะวันออกจึงกำลังกลายเป็น “จุดร้อน” ทางการทหาร
แม้จะไม่มีเสียงปืน… แต่การลงทุนด้านกองทัพกำลังส่งสัญญาณเตือนถึงการเปลี่ยนยุค
กองทัพมาแรงกว่าเศรษฐกิจ
สิ่งที่ทำให้ตลาดโลกต้องจับตาคือ การที่งบกลาโหมเติบโตเร็วกว่า GDP
ในขณะที่เศรษฐกิจจีนชะลอตัวติดต่อกันมาหลายปี
ทั้งภาคอสังหา การบริโภค และการว่างงานในกลุ่มวัยรุ่น
แต่รัฐบาลกลับไม่ลดงบกองทัพลงเลย
นี่คือภาพสะท้อนว่า จีนอาจมอง “พลังทหาร” เป็นการลงทุนระยะยาว
ไม่ต่างจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน
และไม่ใช่ตัวเลขเล็ก ๆ เพราะจีนถือเป็น “ประเทศที่มีงบกลาโหมสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก”
และ “มีกองทัพเรือใหญ่ที่สุดในโลก” แล้วในตอนนี้
สรุป
จีนกำลังส่งสารบางอย่างไปยังประเทศรอบข้างและโลกตะวันตก
สารนั้นไม่ได้ส่งผ่านคำพูด แต่ส่งผ่าน “งบประมาณ” ที่มากขึ้นทุกปี
หากเศรษฐกิจยังไม่ฟื้น แต่กองทัพกลับแข็งแรงขึ้นเรื่อย ๆ
เราคงต้องตั้งคำถามว่า "จีนกำลังเตรียมรับมืออะไรบางอย่างอยู่หรือเปล่า?"
และถ้าโลกเดินไปในทิศทางที่ใช้ “กำลัง” มากกว่า “ความร่วมมือ”
การวางพอร์ตลงทุน อาจต้องคำนึงถึงภูมิรัฐศาสตร์มากกว่าเดิม
เพราะในโลกที่ไม่แน่นอน
“คนที่ไม่เตรียมรับมือ คือคนที่เสี่ยงที่สุด”
ขอบคุณเนื้อหาข้อมูลจาก.. เพจ KIM Property Live