โดย ศักดิ์
เผยแพร่ : 
63 viewsปัจจัยใหญ่ๆ 3 ปัจจัยที่กําหนดทิศทางตลาดหุ้นในอนาคต มีดังนี้ คือ :
1) เฟด :
1.1) ปี พ.ศ 2561 : นโยบายการเงินเป็นแบบตึงตัว เพราะเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยถึง 4 ครั้ง และมีผลทําให้ดาวโจนส์ปรับฐานจาก 26,951 จุด เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ปี พ.ศ 2561 มาทําจุดตํ่าสุดในรอบที่แล้วที่ 21,712 จุด เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม ปี พ.ศ 2561 หรือปรับตัวลดลง -19.44% ภายในระยะเวลาสองเดือนเศษๆ
1.2) ปี พ.ศ 2562 - 2563 : นโยบายการเงินน่าจะผ่อนคลาย เพราะคาดว่าเฟดจะยุติการลดงบดุลในครึ่งหลังของปีนี้คือปี พ.ศ 2562 ปรับขึ้นดอกเบี้ย 1 ครั้งในเดือนธันวาคม ปี พ.ศ 2562 และปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในปี พ.ศ 2563 และมีผลทําให้ดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นมาจากจุดตํ่าสุดในรอบที่แล้วที่ 21,712 จุด เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม ปี พ.ศ 2561 มาปิดที่ 25,450 จุด เมื่อวันที่ 8 มีนาคม ปี พ.ศ 2562 หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น +17.22% ภายในระยะเวลาสองเดือนเศษๆ และคาดว่าจะปรับตัวขึ้นไปได้อย่างน้อย 30,000 จุดในวันก่อนวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาครั้งต่อไปในวันอังคารแรกของเดือนพฤศจิกายน ปี พ.ศ 2563 หนึ่งวัน
2) การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน :
2.1) การขาดดุลการค้าของสหรัฐอเมริกา ( หน่วยเป็น : ล้าน USD ) :
ปี พ.ศ 2560 2,561
จีน 375,200 ( 67.93% ของทั้งหมด ) 419,200 ( 67.50% ของทั้งหมด )
รวมทั้งหมด 552,300 621,000
2.2) สหรัฐอเมริกากีดกันสินค้าจากจีนโดยการขึ้นภาษีจํานวนทั้งสิ้น 250,000 ล้าน USD ในปี พ.ศ 2561 และจีนก็ตอบโต้ในจํานวน 110,000 ล้าน USD และล่าสุดสหรัฐอเมริกาก็ได้เลื่อนการปรับขึ้นภาษีสินค้าเดิม 200,000 ล้าน USD จาก 10% เป็น 25% ในวันที่ 1 มีนาคม ปี พ.ศ 2562 และคาดว่าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนน่าจะตกลงกันได้ด้วยดีในกําหนดการประชุมในวันที่ 27 มีนาคม ปี พ.ศ 2562 นี้ และคาดหวังว่าจะไม่มีการกีดกันการค้าโดยการขึ้นภาษ๊อีกต่อไป
3) ราคานํ้ามัน :
ในการประชุมกลุ่มประเทศโอเปคครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ปี พ.ศ 2561ที่โอเปคมีมติลดกำลังการผลิตลงอีก 1.2 ล้าน บาร์เรล ต่อวัน ซึ่งมีผลทําให้ราคานํ้ามันปรับตัวจากจุดตํ่าสุดในรอบที่แล้วที่ 42.53 USD Per Barrel เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม ปี พ.ศ 2561 มาปิดที่ 56.03 USD Per Barrel และคาดว่าราคานํ้ามันน่าจะทรงตัวในระดับตํ่า เพราะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ( จากการที่อีซีบีประกาศที่จะไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้คือปี พ.ศ 2562 และยังประกาศว่าจะอัดฉีดสภาพคล่องครั้งใหม่ระหว่างเดือนกันยายนปีนี้คือปี พ.ศ 2562 ถึงเดือนมีนาคม ปี พ.ศ 2564 )
หมายเหตุ : ที่มาจาก ( www.bloomberg.com )
