เตรียมใจไว้เลย! แบงก์ตบเท้าขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ ภายใน 1-3 เดือนนี้

นายศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มทิสโก้ บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO เปิดเผยกับ “สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย” ว่า จากการที่ตลาดคาดการณ์ว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ในวันที่ 10 ส.ค. นี้ จะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยประมาณ 0.25% จากปัจจุบันอยู่ที่ 0.50% คาดว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ตามในช่วง 1-2 วัน หรือไม่เกิน 1 สัปดาห์

.

ก่อนหน้านี้มีการปรับเพิ่มดอกเบี้ยไปบ้างแล้ว ซึ่งการขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ คงมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยตามในช่วง 1-2 วัน ไม่เกิน 1 สัปดาห์ หลังมีมติจากกนง.ซึ่งแน่นอนว่า ถ้าดอกเบี้ยนโยบายขึ้น ดอกเบี้ยเงินฝากก็ขึ้น ต้นทุนก็ขึ้น ดอกเบี้ยเงินกู้ก็ขึ้นตาม โดยเป็นการส่งผ่านนโยบายจากทางการ และ ก็เป็นไปตามกลไกตลาด”นายศักดิ์ชัย กล่าว

.

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ไม่ใช่เพียงการประชุมกนง.เท่านั้น แต่การปรับอัตราเงินนำส่งจากสถาบันการเงินเข้ากองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) กลับสู่ระดับปกติที่ 0.46% ต่อปี ตั้งแต่ต้นปี 66 เป็นต้นไป จากที่เคยปรับลดลงเหลือ 0.23% ต่อปีนั้น จะมีผลกระทบต่อกลุ่มลูกค้ารายย่อย โดยเฉพาะสินเชื่อบุคคลและสินเชื่อที่อยู่อาศัยมากกว่า

.

นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด(มหาชน) หรือ TTB เปิดเผยกับ “สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย” ว่า ทุกธนาคารต้องรอสัญญานจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ในช่วงปลายส.ค.ก่อน

.

ดร.พชรพจน์ นันทรามาศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน) หรือ KTB เปิดเผยกับ “สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย” ว่า หลังจาก ธปท. ขึ้นดอกเบี้ยไปแล้ว 0.50% ธนาคารพาณิชย์ถึงจะเริ่มปรับดอกเบี้ยเงินกู้ ดังนั้นเร็วสุด คือ ก.ย.-ต.ค.65 ในอัตราที่ไม่มาก ต่อเนื่องไปถึง ม.ค.66 ที่จะขึ้นหลังจาก FIDF ขึ้นกลับเป็น 0.46%

.

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผยแพร่บทวิเคราะห์ เรื่อง หากแบงก์เลื่อนการปรับขึ้นดอกเบี้ย...ผลกระทบต่อระบบแบงก์ไทย ว่า สัญญาณจากผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา สะท้อนว่า ไทยคงเข้าใกล้จังหวะการเริ่มปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบายแล้ว และ จากแรงกดดันเงินเฟ้อของไทยที่อยู่ในระดับสูงทำให้น่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปีนี้ และ เพิ่มเติมอีกในช่วงต้นปี 66

.

อย่างไรก็ตาม ในสภาวะที่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอนสูงดังเช่นปัจจุบันทำให้คาดว่า จะเห็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำก่อน (หรือ ปรับขึ้นภายหลังจากที่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายไม่นาน) ขณะที่การปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้มาตรฐานมีโอกาสเลื่อนจังหวะเวลาออกไปเพื่อช่วยเหลือลูกค้า

.

สำหรับการเลื่อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้มาตรฐานออกไป 3-6 เดือน จะส่งผลกระทบต่อส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยในปี 65 ประมาณ 0.04-0.06% และ กระทบปี 66 ประมาณ 0.08-0.18% เมื่อเทียบกับกรณีที่กำหนดให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ และ เงินกู้ปรับขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยนโยบายในภาวะปกติ

 

 

***********************************