ห้องเม่าปีกเหล็ก

วิเคราะห์! ปัจจัยพื้นฐาน KTB

โดย คเณชา
เผยแพร่ :
323 views

วิเคราะห์! ปัจจัยพื้นฐาน KTB

เมื่อนักวิเคราะห์ปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย-กำไร

 

.

ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB เป็นหนึ่งในธนาคารเจ้าใหญ่ของไทยในอันดับต้นๆที่ประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 1/2566 ออกมาในทิศทางที่เติบโตมากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน และถือว่าทำจุดสูงสุดเป็นครั้งแรกของธนาคาร ด้วยเหตุผลจากรายได้รวมที่ขยายตัวได้ดี เพราะการบริหารจัดการค่าใช้จ่าย และบริหารคุณภาพสินทรัพย์อย่างมีประสิทธิภาพ

.

จากการที่ KTB มีความสามารถในการเพิ่มกำไรสุทธิให้เติบโตในระดับสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ จึงส่งผลให้นักวิเคราะห์หลายแห่ง ออกมาทยอยปรับเพิ่มราคาเป้าหมายของหุ้น KTB รวมถึงปรับเพิ่มประมาณกำไรงวดสิ้นปี 2566

.

ดังนั้น Wealthy Thai จะพานักลงทุนไปหาคำตอบกันว่า ทำไมนักวิเคราะห์ถึงได้ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายหุ้น KTB ประกอบกับปรับเพิ่มประมาณกำไรงวดสิ้นปี 2566

.

โดยย้อนไปเมื่อวันที่ 19 เม.ย. 2566 ที่ผ่านมา KTB รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ถึงผลประกอบการงวดไตรมาส 1/2566 ว่า มีกำไรสุทธิจำนวน 10,067 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.6% จากในช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 24% อีกทั้งรายได้รวมจากการดำเนินงานขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง

.

อีกทั้งมีรายได้รวมจากการดำเนินงานขยายตัวอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง 18.8% จากพอร์ตสินเชื่อที่มุ่งเน้นการเติบโตอย่างมีคุณภาพมากขึ้น รวมถึงการขยายตัวของรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิและรายได้จากการดำเนินงานอื่นๆ ประกอบกับการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในองค์รวมอย่างมีประสิทธิภาพ

.

[นักวิเคราะห์ส่องปัจจัยพื้นฐาน]

บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ให้ข้อมูลว่า กำไรสุทธิไตรมาส 1/66 คิดเป็น 27.6% ของประมาณการทั้งปี และคาดแนวโน้มกำไรสุทธิในไตรมาส 2/66 มีโอกาสเร่งตัวขึ้นทั้งจากปีก่อน และไตรมาส 1/66 รับผลบวกจากการขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ ขณะที่การเพิ่มขึ้นของดอกเบี้ยเงินฝากนั้นยังเป็นเพียงการปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ทำให้NIM ของ KTB จะ ขยายตัวได้ต่อ

.

นอกจากนี้มองว่าความต้องการสินเชื่อของลูกหนี้รายย่อยจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ หลังบริษัทปรับกลยุทธ์มารุกขยายสินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อ Digital ผ่านช่องทาง Digital Platform ซึ่งปัจจุบันมีการพัฒนาให้สามารถเชื่อมต่อกับ “เป๋าตัง”และ “ถุงเงิน” ได้ง่าย ทำให้มี โอกาสที่ฐานลูกค้า Digital Platform จะขยายตัวได้ดีขึ้น

.

ขณะเดียวกันคาดว่าการตั้งสำรองคาดทรงตัวในระดับใกล้เคียงกับไตรมาส 1/66 เนื่องจากบริษัทหันมาขยายสินเชื่อกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง ทำให้ต้องเพิ่มการตั้งสำรองมากขึ้นจากในอดีต แต่เรามองว่า KTB สามารถบริหาร จัดการ NPL ได้ดี ทำให้ความเสี่ยงที่จะตั้งสำรองมากกว่าคาดไม่สูงนัก สำหรับทั้งปี 2566 คาดจะมีกำไรสุทธิ 36,446 ล้านบาท โต 8.2% จากปีก่อน ตามประมาณการเดิม

.

[โบรกฯปรับเพิ่มประมาณการกำไร]

ขณะที่ในมุมของนักวิเคราะห์หลายแห่งทยอยปรับเพิ่มประมาณกำไรงวดสิ้นปี 2566 เช่น บริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ได้ปรับประมาณการกำไรปี 66 ขึ้นเป็น 42,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% จากเดิมคาดไว้ที่ 35,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากผลตอบแทนสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นมาก

.

เช่นเดียวกัน บริษัท หลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ที่มีการปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 และปี 2567 เพิ่มขึ้นปีละ 5% จากการปรับ NIM เพิ่มขึ้น ทำให้ได้กำไรสุทธิปี 2566 จะอยู่ที่ 3.8 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นได้ที่ 14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

.

[กูรูแห่อัพราคาเป้าหมาย]

นอกจากการปรับเพิ่มประมาณกำไรงวดปี 2566 แล้ว นักวิเคราะห์ยังได้มีการปรับเพิ่มราคาเป้าหมายหุ้น KTB ด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น บริษัท หลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ปรับเพิ่มราคาพื้นฐานเป็น 20.50 บาทต่อหุ้น

.

ขณะที่บริษัท หลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ได้มีการปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 21 บาทต่อหุ้น จากเดิมอยู่ที่ 20 บาทต่อหุ้น

.

เช่นเดียวกับบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ที่ได้ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายหุ้น KTB เพิ่มเป็น 24 บาทต่อหุ้น จากเดิมอยู่ที่ 23 บาทต่อหุ้น เนื่องจากได้ ปรับประมาณการกำไรสุทธิ 2566-2568 ขึ้นปีละ 12% จากรายได้รวมมากกว่าคาด

 

 

 

 

 


คเณชา