รู้จัก วิธีการลงทุน แบบ Jack Bogle บิดาแห่งกองทุนดัชนี - BillionMoney

“ถ้าจะสร้างรูปปั้นเพื่อเป็นเกียรติ ให้แก่ใครสักคน ที่สร้างคุณูปการแก่นักลงทุนชาวอเมริกันมากที่สุด รูปปั้นของคนนั้น ควรจะเป็น Jack Bogle”
นี่คือคำกล่าวของคุณ Warren Buffett นักลงทุนระดับตำนาน ที่กล่าวไว้ในงานประชุมผู้ถือหุ้นของ Berkshire Hathaway ในปี 2017
แล้วคุณ Jack Bogle หรือ John C. Bogle คนนี้คือใคร ?
คุณ Bogle ก็คือผู้ก่อตั้ง Vanguard Group
บริษัทที่สร้างกองทุนอิงดัชนีกองแรกในโลกขึ้นมา
ซึ่งก็คือ Vanguard 500 Index Fund
ที่ลงทุนในดัชนี S&P 500 ของประเทศสหรัฐอเมริกา
โดยคุณ Bogle นับว่าเป็นนักลงทุนสายกองทุนอิงดัชนี
ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก แต่กลยุทธ์ที่คุณ Bogle ใช้ในการลงทุน กลับเรียบง่าย ชนิดที่ใคร ๆ ก็สามารถทำตามได้
แล้วสูตรการลงทุนของคุณ Jack Bogle เป็นอย่างไร
BillionMoney จะมาย่อยให้ฟัง แบบง่าย ๆ
สูตรของคุณ Bogle ก็คือ ให้ลงทุนในกองทุนอิงดัชนีแค่ 2 แบบเท่านั้น แบ่งเป็นการลงทุนใน
- กองทุนอิงดัชนีหุ้น
- กองทุนอิงดัชนีหุ้นกู้
โดยกองทุนที่คุณ Bogle แนะนำว่าให้ลงทุน ก็คือ
- Vanguard Total Stock Market Index (VTI)
กองทุนอิงดัชนีหุ้น ซึ่งลงทุนในหุ้นทุกตัวของประเทศสหรัฐอเมริกา โดยในระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมานั้น
VTI ให้ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยที่ 9.79% ต่อปี
- Vanguard Total Bond Market Index (BND)
กองทุนอิงดัชนีหุ้นกู้ชั้นดี ของประเทศสหรัฐอเมริกา
โดย BND ให้ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยที่ 4.32% ต่อปี ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ทั้ง 2 กองทุนยังมีจุดเด่นเรื่องอัตราค่าธรรมเนียมที่ต่ำมาก ที่ 0.03% ต่อปีเท่านั้น
ทั้งนี้ วิธีการจัดพอร์ตลงทุนของคุณ Bogle คือให้
- ลงทุนในกองทุนอิงดัชนีหุ้น ในสัดส่วนเดียวกันกับผลลบของ 100 กับอายุของเรา
- ลงทุนในกองทุนอิงดัชนีหุ้นกู้ ในสัดส่วนเดียวกันกับอายุของเรา
ยกตัวอย่างเช่น
ถ้าเราอายุ 25 ปี ก็ให้เราลงทุนใน VTI เป็นเงิน 75% ของเงินลงทุนทั้งหมด และอีก 25% ก็ให้ลงทุนใน BND
และปีต่อมา เมื่อเราอายุ 26 ปี ก็ให้ปรับพอร์ตเป็น ลงทุนใน VTI 74% และ BND 26%
โดยหลักการของกลยุทธ์นี้ก็คือ
การลงทุนในกองทุนอิงดัชนีหุ้น เป็นการสร้างความมั่งคั่ง และการลงทุนในกองทุนอิงดัชนีหุ้นกู้ เป็นการปกป้องความมั่งคั่ง นั่นเอง
ดังนั้น ในช่วงที่เราอายุยังน้อยอยู่ ยังมีแรงทำงานหาเงิน เราก็ควรจะลงทุนในกองทุนอิงดัชนีหุ้น ในอัตราส่วนที่สูง เพื่อสะสมความมั่งคั่ง ให้เพิ่มพูนขึ้น
แต่เมื่อเราอายุมากขึ้นแล้ว และอยู่ในวัยที่ไม่สามารถทำงานหนักมากได้อีกต่อไป เราก็ควรเน้น ลงทุนในกองทุนอิงดัชนีหุ้นกู้ ที่มีความผันผวนน้อยกว่าแทน เพื่อเป็นการปกป้องความมั่งคั่งของเรา
ทีนี้ เราลองมาดูตัวอย่างของผลตอบแทน จากการลงทุนโดยใช้กลยุทธ์นี้กันบ้าง
ตัวอย่างต่อไปนี้ จะแบ่งออกเป็น 3 กรณี
คือ คุณ A, คุณ B, และคุณ C
โดยทั้ง 3 คน มีอายุเท่ากัน คือ 31 ปี โดยมีรายได้จากเงินเดือน เดือนละ 30,000 บาท และมีการปรับเงินเดือนเพิ่มขึ้นปีละ 5%
นอกจากนี้ ทั้ง 3 คนจะลงทุนแบบถัวเฉลี่ยในทุกเดือน หรือก็คือวิธี Dollar Cost Average หรือ DCA
- คุณ A เลือกหักจากเงินเดือน เดือนละ 10% เพื่อนำมาลงทุน
หมายความว่า ในปีแรกที่เริ่มลงทุน
คุณ A จะลงทุนใน VTI เดือนละ 2,070 บาท
และลงทุนใน BND เดือนละ 930 บาท
ถ้าคุณ A มีการปรับพอร์ต เพื่อรักษาอัตราส่วนการลงทุนปีละครั้ง ตามกลยุทธ์ที่ได้กล่าวไปข้างต้นแล้ว
เมื่อคุณ A อายุ 61 ปี
คุณ A จะได้รับผลตอบแทนทั้งหมด 6,392,843 บาท
แบ่งเป็น
ผลตอบแทนที่ได้จาก VTI เท่ากับ 2,493,209 บาท
ผลตอบแทนที่ได้จาก BND เท่ากับ 3,899,634 บาท
- คุณ B เลือกหักจากเงินเดือน เดือนละ 20% เพื่อนำมาลงทุน
เมื่อคุณ B อายุ 61 ปี
คุณ B จะได้รับผลตอบแทนทั้งหมด 12,785,686 บาท
แบ่งเป็น
ผลตอบแทนที่ได้จาก VTI เท่ากับ 4,986,418 บาท
ผลตอบแทนที่ได้จาก BND เท่ากับ 7,799,268 บาท
- คุณ C เลือกหักจากเงินเดือน เดือนละ 30% เพื่อนำมาลงทุน
เมื่อคุณ C อายุ 61 ปี
คุณ C จะได้รับผลตอบแทนทั้งหมด 19,178,529 บาท
แบ่งเป็น
ผลตอบแทนที่ได้จาก VTI เท่ากับ 7,479,626 บาท
ผลตอบแทนที่ได้จาก BND เท่ากับ 11,698,903 บาท
อ่านมาถึงตรงนี้ เราก็คงเห็นแล้วว่า ผลตอบแทนที่ได้จากสูตรการลงทุนของคุณ Bogle ก็สามารถช่วยสร้าง และรักษาความมั่งคั่งให้เราได้ค่อนข้างสูง
ยิ่งถ้าเราสามารถออมเงินต่อเดือนได้มากขึ้นเท่าไร
ในวันที่เราเกษียณจากการทำงาน ก็มีโอกาสที่เราจะเหลือเงินไว้ใช้หลังเกษียณมากขึ้นเท่านั้น
นอกจากนี้ ตัวอย่างข้างต้นยังเป็นการคำนวณผลตอบแทนจากการลงทุน จนถึงวันที่เราเกษียณอายุเท่านั้น
ดังนั้น ถ้าเรายังใช้กลยุทธ์การปรับพอร์ตของคุณ Bogle ต่อไป หลังจากที่เราเกษียณ เราก็จะยังมีโอกาสสร้างผลตอบแทน จากเงินลงทุนของเราต่อไปได้อีก
และทั้งหมดนี้เอง ก็คือวิธีการลงทุนอันแสนเรียบง่าย
ที่คุณ Bogle ใช้ และแนะนำให้ใครต่อใครลองทำตาม
แต่ก็ต้องจำไว้ว่า การจะใช้สูตรการลงทุนนี้จนประสบความสำเร็จได้นั้น ก็ต้องแลกมากับการมีวินัยในการออม และลงทุนอย่างสม่ำเสมอทุกเดือน..