ห้องเม่าปีกเหล็ก

3 เซียนหุ้นมองคริปโท

โดย dave
เผยแพร่ :
64 views

3 เซียนหุ้นมองคริปโท คำเตือน “โอกาส” บน “ความเสี่ยง”

ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทยร้อนแรงขึ้นทุกขณะ หลังจากปีที่แล้ว ราคาบิตคอยน์ทะยานขึ้นต่อเนื่อง ทำให้มีผู้สนใจเปิดบัญชีเทรดคริปโทเคอร์เรนซีกันเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ขณะเดียวกันหลายธุรกิจในไทยก็ไม่ยอมตกกระแส มีการประกาศความร่วมมือกับผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล เตรียมทำโปรเจ็กต์ต่าง ๆ มากมาย จนกระทั่งหน่วยงานกำกับดูแลต้องเตรียมปรับปรุงเกณฑ์การกำกับใหม่ให้รัดกุมมากขึ้น รวมถึงการสร้างความชัดเจนในเรื่องการจัดเก็บภาษีที่กรมสรรพากรจะสรุปออกมาในช่วงสิ้นเดือน ม.ค.นี้

โดย “ประชาชาติธุรกิจ” ได้สำรวจมุมมองนักลงทุนที่ได้รับการขนานนามว่า “เซียนหุ้น” ขาใหญ่ในตลาดหุ้นไทย 3 รายได้แก่ รายแรก “วิชัย วชิรพงศ์” หรือ “เสี่ยยักษ์”

รายที่สอง หรือ “เสี่ยป๋อง” และ “ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร” นักลงทุนแบบเน้นคุณค่า (value investor หรือ VI) ถึงมุมมอง ความคิดเห็นเกี่ยวกับการลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซี ว่าแต่ละคนมองอย่างไรกันบ้าง

“เสี่ยยักษ์” ชี้บิตคอยน์อยู่อีกยาว

เริ่มจาก “เสี่ยยักษ์” ชี้ว่า มีประเด็นที่สำคัญ 3 ข้อเกี่ยวกับคริปโท คือ 1.บิตคอยน์ จะอยู่กับเราไปตลอด ไม่มีใครล้มได้ 2.บิตคอยน์เป็นศัตรูกับแบงก์ชาติ และ 3.ในระยะยาวสัก 10 ปี อาจจะเหลือคอยน์ (เหรียญคริปโท) เพียงไม่กี่ตัวที่โดดเด่น เหมือนผู้ผลิตรถยนต์ หรือรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ต่อไปจะเหลือผู้เล่นอยู่ไม่กี่รายที่ใช้งานได้จริง

ทั้งนี้ เพราะการเกิดขึ้นของบิตคอยน์ นับเป็นครั้งแรกของโลกที่เป็นวิศวกรรมทางการเงิน ซึ่งถือได้ว่าสมบูรณ์แบบ ด้วยเหตุผล คือ ไม่มีการเพิ่มคอยน์ได้อีก เพราะตามแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขาย (white paper) จำกัดอยู่ที่ 21 ล้านบิตคอยน์

โดยขณะนี้ออกมาแล้ว 18.9 ล้านบิตคอยน์ ทำให้ช่วงหลัง ๆ การขุดบิตคอยน์จะทำได้ยากขึ้น เพราะอัตราการผลิตบิตคอยน์ออกใหม่ จะลดลครึ่งหนึ่ง (halving) ถ้าค่าไฟฟ้าแพงหรือเทคโนโลยีไม่ถึง ก็สู้ไม่ได้เพราะจะขุดยาก

นอกจากนี้ ด้วยความที่ไม่มีตัวกลาง และเคลื่อนย้ายง่าย ไม่ต้องเปิดบัญชีธนาคาร สามารถส่งเงินได้ เชื่อว่าในระยะยาวจะมีประโยชน์มาก แต่ก็มีข้อเสียอยู่ที่การคำนวณบิตคอยน์แต่ละรายการค่อนข้างใช้เวลา บางครั้งใช้เวลานานมาก

ซึ่งนานไป อาจจะมี bitcoin killer ที่จะมาล้มได้ อย่างเช่น เหรียญ ethereum เป็นต้น อย่างไรก็ดี เชื่อว่าในระยะยาว คนก็ยังนิยมบิตคอยน์ เหมือนกับทองคำ

จับจังหวะลงทุนรอราคาร่วงหนัก ๆ

“ผมยังมือใหม่ มีความรู้เรื่องนี้แค่คร่าว ๆ เพราะยังไม่ได้เปิดบัญชีเล่นคริปโทแต่ก็สนใจซึ่งอยู่ในช่วงศึกษา โดยดูเครื่องมือชี้วัดของ MACD (ตัวชี้วัดที่บอกทิศทางแนวโน้มของราคาหุ้น) รายสัปดาห์ประกอบ

ซึ่งตอนนี้ยังไม่อยู่ในภาวะขายมากเกินไป (oversold) อย่างเต็มที่จริง ๆ ผมก็เฝ้าดูอยู่ เบื้องต้นถ้าผมจะลงทุนคงลงเยอะ ประมาณสัก 10% ของพอร์ต ซึ่งเชื่อว่าสู้ได้ โดยเน้นลงทุนเหรียญในต่างประเทศ ตัวใหญ่ ๆ 2-3 อันดับแรก

แต่ตลาดต้องอยู่ในภาวะขายมากเกินไปอย่างเต็มที่ก่อน ซึ่งผมไม่รีบ รอจังหวะที่ทุกคนแย่หมด เหมือนในอดีตช่วงปี 2562 ที่ตลาดคริปโทร่วงหนักกว่า 60-70% แล้วเป็นจังหวะที่ผมจะเข้าไป และจะขายทำกำไรออกมาทันที เมื่อตลาดคริปโทอยู่ในภาวะซื้อมากเกินไป (overbought)”

“เสี่ยยักษ์” ย้ำว่า การเป็นมือใหม่ต้องศึกษา ไม่ใช่อยู่ดี ๆ มีคนแนะนำให้ไปซื้อก็ซื้อ ซึ่งตนเองฟังคลิปวิดีโอมาจำนวนมาก และขณะนี้ถือว่าตลาดอยู่ในภาวะเสี่ยงมาก เพราะกังวลเงินเฟ้อสหรัฐ และการถอนมาตรการ QEซึ่งเป็นเรื่องใหญ่กดดันสภาพคล่องหาย

“เสี่ยป๋อง” เปิดพอร์ตทดลองเล่น

ขณะที่ “เสี่ยป๋อง” กล่าวว่า ปัจจุบันตนได้เปิดบัญชีเทรดคริปโท กับทาง Bitkub ไปแล้ว ซึ่งเป็นการทดลองเท่านั้น ยังไม่ได้ลงทุนมาก และไม่ใช่ผู้ชำนาญ โดยเทคนิคของตน คือเน้นดูกราฟเป็นหลัก และไม่ได้ถือไว้นาน ปัจจุบันพอมีกำไรนิดหน่อย

“ถามว่าทำไมถึงตัดสินใจลงทุน ส่วนตัวผมมองว่าเป็นโอกาสในการลงทุน เพียงแต่วอลุ่มการซื้อขายยังไม่มากเท่าตลาดหุ้น แต่คาดว่าถ้าตลาดคริปโทใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ คงมีคนสนใจมากขึ้น”

 

“ดร.นิเวศน์” ไม่สนคริปโท

ด้าน “ดร.นิเวศน์” กล่าวว่า โดยส่วนตัวตนเองไม่ค่อยสนใจลงทุนคริปโท แต่จะเน้นลงทุนหุ้นเป็นหลัก เนื่องจากมองว่าตลาดคริปโทปัจจุบันยังเป็นการเก็งกำไรเป็นหลัก ไม่มีพื้นฐานชัดเจนที่จับต้องได้ แต่ก็ติดตามดูอยู่ เพราะแนวคิดการเก็บภาษีคริปโท เริ่มมีการเกี่ยวพันกับการเก็บภาษีในตลาดหุ้นเพิ่มเติม

“พูดตรง ๆ ตั้งแต่เริ่มต้นลงทุน ไม่เคยเจอความเสี่ยงว่าวันหนึ่งตลาดหุ้นกำลังเติบโตใหญ่ขึ้น ๆ แต่โดนเก็บภาษี ซึ่งอาจส่งผลให้ตลาดง่อยลงไปได้ และถ้าถึงวันนั้น มีการเก็บภาษีเยอะเกินไป และไม่ไหวจริง ๆ ผมก็อาจต้องถอนตัวไปลงทุนหุ้นต่างประเทศแทน ส่วนกรณีเก็บภาษีคริปโทยังไม่มีข้อสรุปจากภาครัฐ แต่ถ้าออกมาแบบต้องเสียภาษีหนัก จ่ายทุกครั้งที่มีกำไร แต่ขาดทุนไม่ชดเชย ก็น่าจะทำให้ตลาดคริปโทในไทยไปไม่ไหว นักลงทุนอาจย้ายหนีไปลงทุนแพลตฟอร์มคริปโทในต่างประเทศที่ไม่ต้องเสียภาษีก็ได้”

จับตารัฐเก็บภาษีเพิ่มต้นทุน

ทั้งนี้ เซียนหุ้น VI กล่าวว่า ปัจจุบันคริปโทยังถูกมองเป็นการเก็งกำไร ไม่ก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่ม ดังนั้น หากรัฐบาลจะยกเว้นภาษีให้เหมือนภาษีกำไรจากการขายหุ้น (capital gain tax) ต้องมีเหตุผลที่เข้าใจได้

เพียงแต่วันนี้ยังไม่ชัดเจนว่า ตลาดคริปโทจะก่อให้เกิดสิ่งดี ๆ กับระบบเศรษฐกิจอย่างไร ซึ่งหลายประเทศก็ยังไม่เปิดกว้าง ดังนั้น ผู้เล่นในตลาดน่าจะยิ่งเหนื่อย เพราะอาจกังวลว่าตลาดคริปโทในไทยกำลังจะวายหรือไม่

แต่คาดว่าเกณฑ์ภาษีที่ออกมาคงไม่รุนแรง ถึงขนาดทำลายตลาดทั้งหมด ดังนั้น ผู้เล่นรายเก่าและรายใหม่ อาจมีต้นทุนบ้าง แต่ยังคุ้มที่จะทำธุรกิจต่อไปได้

ทั้งหมดนี้ เป็นมุมมองส่วนตัวของบุคคลที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นเซียนหุ้นที่มีชื่อเสียงของเมืองไทย ซึ่งใครที่กำลังสนใจตลาดนี้คงต้องพิจารณาและศึกษา หาความรู้เพิ่มเติม ก่อนตัดสินใจลงทุน

 


dave