ห้องเม่าปีกเหล็ก

MAKRO กับโอกาสที่สร้างการเติบโต

โดย ัyoda
เผยแพร่ :
234 views

MAKRO กับโอกาสที่สร้างการเติบโต เมื่อการท่องเที่ยวฟื้นช่วยดันเศรษฐกิจกลับมาหมุนอีกครั้ง

 

MAKRO หรือ บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจค้าส่ง และค้าปลีกของไทย กำลังจะสร้างการเติบโตจากโอกาสของการเปิดประเทศ และกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่จะฟื้นตัวขึ้น จากภาคการท่องเที่ยว และภาคการบริการ ซึ่งได้แรงหนุนจากกลุ่มลูกค้าร้านอาหาร และโรงแรม ทำให้ครึ่งปีแรกของ 2565 เติบโตอย่างโดดเด่นถึง 229,680 ล้านบาท


สำหรับมุมมองในภาพระยะยาว แนวโน้มกำไรในช่วงครึ่งหลัง จะดีกว่าในครึ่งปีแรก จากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม ที่ได้รับประโยชน์ทางอ้อมจากนโยบายเราเที่ยวด้วยกัน และการผ่อนคลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง


จากการที่ภาครัฐประกาศคลายล็อกดาวน์ และมีนโยบายการเปิดประเทศที่มากขึ้น ซึ่งส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ เริ่มกลับเข้าสู่โหมดของการฟื้นตัวอีกครั้ง โดยเฉพาะในด้านของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และภาคการบริโภคในประเทศ รวมถึงยังมีนโยบายที่ออกมาเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวอย่าง “เราเที่ยวด้วยกัน” รวมถึงนโยบายการเปิดประเทศเพิ่มเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ด้วยการยกเลิกระบบ Thailand Pass และยกเลิกการบังคับนักท่องเที่ยวต่างชาติทำประกันสุขภาพ ซึ่งมีผลตั้งแต่ 1 ก.ค. 2565 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ภาคธุรกิจค้าส่งและค้าปลีกมีการขยายตัวอย่างเห็นได้ชัด จากการที่ผู้คนออกมาเริ่มจ่ายใช้สอย เปิดกิจการร้านค้าเข้าสู่ภาวะปกติ จึงเป็นผลบวกให้กับ MAKRO ได้อย่างเต็มที่ เห็นได้จากการเติบโตในด้านผลการดำเนินงานของ MAKRO ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้  ซึ่งมีรายได้อยู่ที่  118,463 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 115.6 % และมีกำไรสุทธิ 1,573 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 22.2 %


ในความคิดเห็นของนักวิเคราะห์ พวกเขามองว่า MAKRO ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จาการเปิดประเทศที่ทำให้การหมุนของเศรษฐกิจกลับมาอีกครั้ง และมาตรการกระตุ้นของภาครัฐ จะเป็นตัวแปรสำคัญของการเติบโตในช่วงครึ่งปีหลังด้วย


นางสาววิชชุดา ปลั่งมณี ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) บอกกับ Wealthy thai  ว่า การเปิดเมืองถือเป็นประเด็นที่สำคัญต่อกลุ่มค้าปลีกที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนในเรื่องของยอดขาย โดยภาครัฐคาดการณ์ว่าในปี 65 จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศจำนวน 7-8 ล้านคน แต่อย่างไรก็ตามในขณะนี้มีนักท่องเที่ยวแล้วกว่า 2 ล้านคน โดยตัวเลขที่การันตีได้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นนั้นเห็นได้จากยอดจองห้องพัก และสายการบินเพิ่มขึ้น


ดังนั้น MAKRO ถือเป็นขนาดใหญ่ในกลุ่มค้าปลีกที่จะฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่กำลังฟื้น รวมถึงมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว และการเปิดประเทศ ซึ่งโดยหลักแล้ว MAKRO มียอดขายที่ฟื้นตัวจากกลุ่มลูกค้าประเภท HORECA หรือ ลูกค้าโรงแรม ร้านอาหาร และกลุ่มจัดเลี้ยง ซึ่งขณะนี้ภาพของกลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าวกำลังจะเติบโตขึ้น โดยเชื่อว่าจะช่วยสนับสนุนยอดขายของ MAKRO ให้เติบโต



ธุรกิจเติบโตเพราะการท่องเที่ยว-การเปิดประเทศ

ขณะที่นักวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส จำกัด เปิดเผยผ่านบทวิเคราะห์ มุมมองบวกกับ MAKRO ในภาพระยะยาว โดยเป็นผลมาจากแนวโน้มกำไรในช่วงครึ่งหลังของปี 65 ที่คาดว่าจะดีกว่าในครึ่งปีแรก จากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่ได้รับประโยชน์ทางอ้อมจากนโยบายเราเที่ยวด้วยกัน และการผ่อนคลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง


รวมถึงค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารประเมินว่าจะลดลง หลังการรีแบรนด์ของ Lotus’s ที่คาดจะแล้วเสร็จในงวดไตรมาส 3/65 2) อย่างไรก็ตามแม้ประมาณการกำไรปี 2565-66 อาจมี Downside ราว 7-11% ซึ่งจะส่งผลให้มูลค่าพื้นฐานอยู่ที่ 42-43 บาท


ด้านบริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ในเชิงพื้นฐาน เชื่อว่าผลการดำเนินงานกำลังผ่านจุดต่ำสุด โดยในไตรมาส 3/65 เป็นต้นไปจะได้อานิสงส์จากการเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น และคาดว่ารายจ่ายปรับปรุงระบบกับของโลตัสส์จะทยอยลดลง


ส่วนปี 66 จะรับรู้ประโยชน์จากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวฟื้นเต็มปี โดย MAKRO เคยมีสัดส่วนรายได้จาก HoReCa ในช่วงปี 19 (ก่อนโควิด) เกือบ 30% ของยอดขายค้าส่ง เทียบกับปี 64 ที่ 26% ผสานกับ คาดว่าช่องทางขาย B2B ออนไลน์ (MAKNET) จะเริ่มมีบทบาทมากขึ้น หนุนโอกาสโตของกำไรปกติในปี 66 จะเติบโต 73% หรือทำได้ 1.56 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือว่าสามารถทำได้เหนือกว่าผู้ประกอบการรายอื่นเป็น โดยคงคำแนะนำ “ซื้อลงทุน” โดยมีราคาเป้าหมายปี 65 ที่ 43 บาท


ขณะที่ข้อมูลจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด มองว่า MAKRO จะมีผลการดำเนินงานที่ดีและมีเสถียรภาพที่มั่นคงท่ามกลางผลกระทบที่เกิดจากการระบาดของโรคโควิด 19 และเศรษฐกิจที่ซบเซา โดยทริสเรทติ้ง คาดว่าผลการดำเนินงานของธุรกิจค้าส่งจะยังคงดีอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ธุรกิจค้าปลีกของ Lotus’s จะฟื้นตัวอย่างมีนัยยะตามภาวะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายหลังการระบาดของโรคโควิด 19


ขณะเดียวกันเป็นผู้นำในธุรกิจค้าส่ง สถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทเกิดจากความเป็นผู้นำในธุรกิจค้าส่ง ด้วยกลยุทธ์การมุ่งเน้นสินค้าอาหารสด และการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพของบริษัท บริษัทสามารถตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้ค้าปลีกด้านอาหาร และ HORECA ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทได้อย่างดี


นอกจากนี้ ยังได้มีแผนขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ นอกเหนือจากการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยแล้ว บริษัทได้ขยายสาขาไปยังต่างประเทศตั้งแต่ปี 2560 ปัจจุบันบริษัทมีสาขาในประเทศกัมพูชา อินดีย จีน และ เมียนมา อย่างไรก็ตาม MAKRO ยังคงมองเห็นโอกาสการเติบโตและตั้งเป้าการเปิดสาขาในต่างประเทศจำนวน 3-8 สาขาต่อปี


อีกทั้ง MAKRO ยังมีการเติบโตจากช่องทางจำหน่ายที่หลากหลาย (Omnichannel) ด้วยรากฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่งและความชำนาญในธุรกิจ Business-to-Business (B2B) กอปรกับการลงทุนในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศจำนวนมาก บริษัทคาดว่าช่องทางการจำหน่ายที่หลากหลายและแอปพลิเคชั่นใหม่จะช่วยเป็นปัจจัยเร่งการเติบโตของยอดขายของบริษัทในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า บริษัทได้พัฒนา "maknet" ออนไลน์แอปพลิเคชั่น เพื่อเสริมสถานะความแข็งแกร่งของบริษัทในธุรกิจ B2B


อย่างไรก็ตาม MAKRO กำลังอยู่ในช่วงสำคัญที่กำลังก้าวข้ามความท้าทาย สู่การเติบโตอีกครั้ง ซึ่งประโยชน์ของการเติบโตของธุรกิจขนาดใหญ่อย่าง MAKRO ไม่ได้สร้างผลกำไรให้กับผู้ถือหุ้นเพียงอย่างเดียว แต่จะเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยสร้างงาน และสร้างรายได้ให้กับประเทศด้วย

 

 


ัyoda