ห้องเม่าปีกเหล็ก

ตลท.เผยนลท.ต่างชาติกลับมาถือครองหุ้นไทยสูงสุดรอบ 4 ปี

โดย หญิงแม้น
เผยแพร่ :
86 views

ตลท.เผยนลท.ต่างชาติกลับมาถือครองหุ้นไทยกว่า 5.11 ล้านลบ.สูงสุดรอบ 4 ปี

ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผย ณ สิ้นเดือน ก.ค. 65 นักลงทุนต่างชาติถือครองหุ้นไทยในตลาดหุ้นกว่า 5.11 ล้านล้านบาท สูงสุดในรอบ 4 ปี โดย 3 กลุ่มที่ถือมากสุด คือ เทคโนโลยี ธุรกิจการเงิน และทรัพยากร

.

รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้ออกรายงาน SET Note “เปิดพอร์ตการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศในตลาดหุ้นไทย ปี 2565” ว่า จากการศึกษาข้อมูลการถือครองหุ้นในตลาดหุ้นไทย ณ สิ้นเดือนก.ค.65 ของบริษัทจดทะเบียนจำนวน 783 บริษัท ซึ่งมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมกว่า 19.0 ล้านล้านบาท หรือ 99.4% ของมูลค่าหลักทรัพย์รวมทั้งตลาด พบว่า นักลงทุนต่างประเทศมีมูลค่าการถือครองหุ้นในตลาดหุ้นไทยรวมกว่า 5.11 ล้านล้านบาท สูงสุดในรอบ 4 ปี เพิ่มขึ้น 0.29% จากปีก่อน

.

โดยเป็นการซื้อสุทธิกว่า 153,151 ล้านบาท ในช่วงเดือนก.ย.64 - ก.ค. 65 และการถือครองหุ้นของบริษัทที่เข้าจดทะเบียนซื้อขายใหม่ (new listing companies) โดยมีมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศ คิดเป็น 26.84% ของมูลค่าหลักทรัพย์รวมทั้งตลาด

.

สำหรับอุตสาหกรรมที่นักลงทุนต่างประเทศมีมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มธุรกิจการเงิน และกลุ่มทรัพยากร มูลค่าถือครองหุ้นรวม 3.12 ล้านล้านบาท คิดเป็น 61.0% ของมูลค่าการถือครองหุ้นรวมของนักลงทุนต่างประเทศ

.

ส่วนหมวดธุรกิจที่นักลงทุนต่างประเทศมีมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หมวดพลังงานและสาธารณูปโภค (ENERG) 953,319 ล้านบาท รองลงมา คือ หมวดธนาคาร (BANK) 783,470 ล้านบาท และหมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (ETRON) 617,210 ล้านบาท โดย 3 หมวดธุรกิจนี้มีมูลค่าการถือครองหุ้นรวม 2.35 ล้านล้านบาท หรือ 46.1% ของมูลค่าการถือครองหุ้นรวมของนักลงทุนต่างประเทศ

.

ทั้งนี้ ยังพบว่า 72.3% ของมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศเป็นการถือครองหุ้นที่อยู่ในองค์ประกอบของ MSCI Thailand Index เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ที่ระดับ 68.0%

.

ส่วนนักลงทุนต่างประเทศที่มีมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุด 10 สัญชาติแรก พบว่า 8 ใน 10 สัญชาติ เป็นสัญชาติเดียวกันกับปีก่อน แต่มีสลับอันดับ โดย นักลงทุนจากสหราชอาณาจักรมีมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุด ตามมาด้วยนักลงทุนจากสิงคโปร์ และสวิสเซอร์แลนด์ที่ขยับขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 3 ขณะที่ฮ่องกงลดลงไปอยู่อันดับ 4 และสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น มอริเชียส เนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส และบริติช เวอร์จิน ไอส์แลนด์ ตามลำดับ

***********************************

 


หญิงแม้น