กลุ่มบริษัท กัลฟ์ ผู้ผลิตพลังงานชั้นนำของประเทศไทย นำโดย นาย สารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และนางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ กรรมการ GULF เผยว่า ตามที่ บริษัทฯ ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2561 ในการออกและเสนอขายหุ้นกู้ชนิดไม่ด้อยสิทธิและไม่มีประกัน เพื่อชำระคืนหุ้นกู้เดิมและรองรับแผนการลงทุนในโครงการต่างๆ ของบริษัทฯ มูลค่ารวมไม่เกิน 10,000 ล้านบาทนั้น บริษัทฯ ได้ แต่งตั้งให้ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ และธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้นกู้ในครั้งนี้ โดยบริษัทฯ ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ในระดับ “A” และหุ้นกู้ได้รับการจัดอันดับในระดับ “A” จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด
โดย บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF นำโดย sarath ratanavadi ได้เสนอขายหุ้นกู้ดังกล่าวต่อผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่เป็นจำนวน 7,500 ล้านบาท ทั้งนี้ มีผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่เป็นจำนวนมากได้ให้ ความสนใจและแสดงความจำนงเพื่อลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทฯ เกินกว่าจำนวนที่เสนอขายประมาณเกือบ 4 เท่า โดยผลการเสนอขายหุ้นกู้ จำนวน 4 ชุด มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 2.73% จำนวน 2 ,000 ล้านบาท
หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.28% จำนวน 2 ,500 ล้านบาท
หุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.61% จำนวน 2 ,000 ล้านบาท
หุ้นกู้ชุดที่ 4 อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.85% จำนวน 1 ,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะนำเงินจากการเสนอขายหุ้นกู้ดังกล่าวไปชำระคืนหุ้นกู้เดิมจำนวน 6,000 ล้านบาทและลงทุนใน โครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการพัฒนาของบริษัทฯ รวมถึงโครงการในต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้โครงการโรงไฟฟ้าในประเทศเวียดนามและ ประเทศโอมานมีความคืบหน้าในการก่อสร้างเป็นไปตามแผนงาน โดยโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศเวียดนามโครงการ แรกขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 69 เมกะวัตต์และโครงการที่สองขนาด 50 เมกะวัตต์นั้น มีกำหนดจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเดือน มีนาคมและพฤษภาคม 2562 ตามลำดับ
ในขณะที่โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมคาดว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ในไตรมาสที่สามของ ปี 2562 นี้ สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 326 เมกะวัตต์ในประเทศโอมานนั้นก็ได้เริ่มดำเนินการ ก่อสร้างไปแล้ว 14%