ปลอดภัยไว้ก่อน!! เน้นกลุ่มเข้มแข็งในประเทศ
ภาพของตลาดหุ้นไทยที่แม้จะออกอาการเป๋ไปเป๋มา จากคลื่นกระทบจากทางตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ยังเป็นปัจจัยกดดันบรรยากาศการลงทุนวันนี้ทั่วโลกให้ดูไม่สดใส และอยู่ภายใต้การชี้นำของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ยังหาแนวรับไม่เจอ อีกทั้งนักลงทุนต่างชาติไม่รู้ไปเอาหุ้นมาจากไหนถึง เทขายหุ้นไทยออกมาได้ทุกวัน แต่ด้วยสภาพคล่องในประเทศที่มีสูง บวกกับปัจจัยพื้นฐานบ้านเราที่แน่นปึ้ก แม้ดัชนีจะมีการอ่อนตัวลงตามภาวะกดดันภายนอก แต่หากเทียบกับตลาดหุ้นอื่นๆ แล้ว ตลาดบ้านเรานับว่าปรับฐานไม่ได้รุนแรงมากนัก ถึงแม้นักลงทุนทั่วไปจะมีความกังวลอยู่บ้างก็ตาม
แน่นอนในเมื่อภาพปัจจัยภายนอกยังไม่ชัดเจน ตลาดหุ้นไทยคงเลือกที่จะปรับฐานต่อไป เป็นลักษณะแกว่งตัวไซด์เวย์ออกข้างต่อไปอีกสักระยะ ซึ่งนักลงทุนจำเป็นต้องมองภาพเหล่านี้ให้ออก และเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ว่าเป็นเช่นไร ถูกปัจจัยใดเป็นตัวแปรชี้นำที่สำคัญ และปรับรูปแบบกลยุทธ์การลงทุนให้มีความคล่องตัวสอดคล้องกับภาวะของตลาดให้ได้มากที่สุดครับ ไม่มีอะไรให้ต้องตื่นตระหนกวิตกกังวลกันเกินกว่าเหตุ เกินปัจจัยกระทบที่แท้จริงครับ
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นจากนี้จะเป็นอย่างไร สิ่งที่คงต้องประเมินและวิเคราะห์กันให้ได้ คือ ทิศทางของตลาดว่าจะสามารถขับเคลื่อนเดินหน้าต่อไป จากความสามารถของบริษัทจดทะเบียนที่โชว์ผลประกอบการออกมาเติบโตได้จริงในภาพรวมปีที่ผ่านมา ที่กำลังทยอยประกาศกันอยู่ ตลาดหุ้นบ้านเราก็สนใจน่าลงทุนอย่างมากครับ โดยเฉพาะหุ้นที่มีพื้นฐานดี เป็นหุ้นที่มี Market Cap ขนาดใหญ่ เป็นหุ้นปันผลดี ซึ่งก็มีให้เลือกเล่นกันอยู่หลายตัวครับ
สำหรับนักลงทุนที่อยากลงทุนในหุ้นที่ดีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงเพื่อหวังกำไรส่วนต่างของราคาที่จะปรับขึ้นนั้น ตลาดช่วงนี้ก็ดูน่าสนใจอย่างยิ่ง เพราะในช่วงต้นปีมาถึงขณะนี้ดัชนีได้มีการไต่ตัวขึ้นมามากพอสมควร และในสถานการณ์ปัจจุบันโอกาสที่ดัชนีจะปรับฐานบริเวณนี้ก็ถือว่าสมเหตุสมผลครับ
ล่าสุด สนช. ได้ผ่านพรบ. EEC ออกมาแล้วเหลือเพียงขั้นตอนที่จะประกาศออกมาใช้เป็นกฎหมายเท่านั้น กลุ่มนิคมก็ต้องติดตามเฝ้าดู AMATA , WHA ที่เป็นตัวเด่นในกลุ่ม นอกจากนี้ บทวิเคราะห์ของโบรกเกอร์หลาย ๆ สำนัก ที่มีการแนะนำไปที่หุ้นกลุ่ม Domestic Plays ที่ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ กลุ่มการบริโภคที่เกิดการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น อย่าง กลุ่มค้าปลีก CPALL , HMPRO ,ROBINS กลุ่มสถาบันการเงินที่มองกันว่าปีนี้จะกลับมาอย่างแท้จริง KBANK ,KTB ,BBL ,SCB กลุ่มรับเหมาก่อสร้างจากการเร่งงบลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐาน CK , STEC ,SEAFCO ,UNIQ กลุ่มสื่อสารที่แรงกดดันเรื่องค่าสัมปทานใบอนุญาตลดลงแล้ว ADVANC ,INTUCH กลุ่มท่องเที่ยวที่ได้รับประโยชน์จากการเข้ามาท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง AOT , MINT,CENTEL เหล่านี้เป็นต้น ซึ่งจะบอกว่าเป็นหุ้นที่ปลอดภัยและน่าสนใจในสถานการณ์ตอนนี้มากที่สุด
ซึ่งราคาหุ้นในแต่ละตัว ที่นักวิเคราะห์ได้มีการตั้งราคาประเมินเป้าหมายที่มีส่วนต่างจากราคาที่ซื้อขายกันอยู่ในปัจจุบันอยู่ พอสมควร และบางตัวราคายังลงมาต่ำกว่าพื้นฐานที่ควรจะเป็นด้วยซ้ำ ซึ่งพูดง่าย ๆ ก็คือราคาหุ้นในปัจจุบันตามสายตาของนักวิเคราะห์คือน่าซื้อน่าลงทุนอย่างยิ่ง เพราะมีส่วนต่างที่นักลงทุนจะทำให้เกิดกำไรได้อย่างงดงามนั่นเอง หากเข้าซื้อสะสมเพื่อการรอคอยต่อไปได้ในอนาคต การลงทุนในหุ้นไม่ใช่เรื่องยาก หากเพียงแต่ต้องประเมินราคาเป้าหมายในตัวหุ้นนั้นให้ได้นั่นเอง
ตลาดหุ้นบ้านเราตอนนี้ก็คงต้องจับตาดูกันต่อครับว่า การที่ตลาดลงไปปรับฐานนั้นจะเสร็จเรียบร้อยเมื่อไหร่ พร้อมที่จะเดินหน้าต่อไปหรือยัง เพราะหลังจากนี้ไป เรื่องความความกังวลเรื่องสหรัฐฯจะขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดคงคลี่คลายลง และกำลังอยู่ในข่วง ที่บรรดาบริษัทจดทะเบียนมีการประกาศผลการดำเนินงานและแจกจ่ายปันผลออกมา ก็อยู่ที่เราแล้วครับว่าจะสามารถเลือกเฟ้น ค้นหาหุ้นลงทุนได้อย่างถูกฝาถูกตัวที่จะสามารถสร้างผลตอบแทนที่งดงามได้หรือไม่ครับ