ห้องเม่าปีกเหล็ก

สาระสำคัญจากการประชุม กนง.เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา

โดย missวิมลรัตน์
เผยแพร่ :
65 views
 
 
#investment สาระสำคัญจากการประชุม กนง.เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมาคือการประเมินว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง จากแรงหนุนของอุปสงค์ในประเทศ และการท่องเที่ยวที่ฟื้นเร็ว ขณะที่อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มสูงกว่าคาดและยาวนานกว่าที่ประเมินไว้ ทำให้นโยบายการเงินเชิงผ่อนคลายมีความจำเป็นน้อยลง ด้านมุมมองทางเศรษฐกิจ ปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP ปีนี้ขึ้นเล็กน้อยเป็น +3.3% จาก 3.2% จากการปรับ
1) การบริโภคภาคเอกชนขึ้นเป็น 4.9% จาก 4.3%
2) การลงทุนภาคเอกชนขึ้นเป็น 5.4% จาก 4.7%
3) การส่งออกสินค้าและบริการขึ้นเป็น 7.1% จาก 6.3% และปรับเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวเป็น 6.0 ล้านคน จาก 5.6 ล้านคน
.
.
ส่วน GDP ปี 2566 ปรับลงเหลือ 4.2% จาก 4.4% เพราะภาคส่งออกถูกกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวกว่าคาด และต้นทุนค่าครองชีพ ที่มีโอกาสทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่องจากปีนี้ ส่วนด้านอัตราเงินเฟ้อ ปี 2565 ปรับเพิ่มเป็น 6.2% จาก 4.9% ตามราคาพลังงานโลกและต้นทุนการผลิตที่ยังเร่งตัวขึ้น
.
.
อย่างไรก็ดี คาดว่าเงินเฟ้อ จะถึงจุด Peak ใน 3Q65 ก่อนจะอ่อนตัวลงใน 4Q65 และเหลือ 2.5% ในปี 2566
.
.
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ปประเมินว่าการขึ้นดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ กนง. อิง 3 ปัจจัย ประกอบด้วย
1) ด้านเศรษฐกิจในประเทศ หากฟื้นตัวเร็ว กว่าคาด อาจขึ้นดอกเบี้ยทันทีในการประชุมครั้งถัดไปวันที่ 10 ส.ค.
2) ด้านระยะเวลา อาจรอดูข้อมูลให้รอบด้าน โดยเฉพาะ GDP2Q65 ของสภาพัฒน์ฯที่จะประกาศกลางเดือน ส.ค. ก่อน เพราะฉะนั้น การขึ้นดอกเบี้ยอย่างเร็วคือ 28 ก.ย.
3) ผลกระทบของการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งอาจเพิ่มภาระให้กับประชาชนบางกลุ่ม
.
.
อย่างไรก็ดี ในมุมมองของบล.หยวนต้า (ประเทศไทย) จะให้น้ำหนักกับส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเมื่อเทียบกับสหรัฐฯ และการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท รวมถึงระดับทุนสำรองที่ลดระดับลงต่อเนื่องด้วย เพราะมีผลต่อการเคลื่อนย้ายของกระแสเงินทุน ที่จะส่งผลต่อเนื่องไปยังดุลการชำระเงิน ซึ่งถ้าอิงส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยและสหรัฐฯในอดีตที่ห่างกันไม่เกิน 2.00% และคาดการณ์ ดอกเบี้ยปลายปีของเฟดที่ 2.75 -3.00%
.
.
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ยังคงมุมมองเดิมว่า กนง. จะขึ้นดอกเบี้ยอย่างน้อย 1 ครั้ง สำหรับการประชุมรอบเดือน ก.ย. หรือ พ.ย. 2565 เพื่อรักษาส่วนต่างไม่ให้กว้างเกินไป
.
.
ผลประชุม กนง. รอบนี้ให้ข้อมูลที่ชัดมากว่าจบรอบดอกเบี้ยขาลง แต่ปัจจัยที่ต้องติดตามคือ
1) จังหวะเวลาที่เหมาะสม และความเป็นอิสระของ กนง. ในการขึ้นดอกเบี้ย
2) ผลกระทบต่อหนี้ ครัวเรือนที่สูง 90% ของ GDP ซึ่ง กนง. ประเมินแล้วว่าการขึ้นดอกเบี้ยทุก 1% คิดเป็นภาระ 0.5% ของรายได้ครัวเรือน น้อยกว่าการปล่อยให้เงินเฟ้อทรงตัวในระดับสูงไปเรื่อยๆ ซึ่งกระทบ 3.6% ของรายได้ครัวเรือน ขณะที่ ภาวะเศรษฐกิจ 3Q65 จะฟื้น YoY จากฐานที่ต่ำ และ 4Q65 จะได้แรงหนุนจาก High Season ของภาคท่องเที่ยว
.
.
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) มองเป็นกลางต่อ SET Index ส่วนค่าเงินบาทและ Bond Yield ในประเทศ เราคาดว่าจะไป อิงกับการเคลื่อนไหวของ Dollar Index และ Bond Yield สหรัฐฯมากกว่า กลุ่มที่มีความ ยืดหยุ่นในการปรับตัวต่อภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นได้ดีคือ ธนาคารพาณิชย์, ประกัน, ค้าปลีก, ท่องเที่ยว, อาหารเครื่องดื่ม, การแพทย์, และบริษัทที่มีฐานะทางการเงินเป็น Net Cash ส่วน กลุ่มที่ราคาหุ้นมักเคลื่อนไหวผกผันกับดอกเบี้ย คือ ไฟแนนซ์, โรงไฟฟ้า, อสังหาริมทรัพย์, และ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์แต่คาด Downside ไม่มาก เพราะราคาหุ้นกลุ่มเหล่านี้ มีการปรับฐานลง มารอแล้วระดับหนึ่ง หุ้นแนะนำใน Theme ดอกเบี้ยขาขึ้น คือ KBANK, BBL, BLA, MAKRO, CPALL, TU, MINT, MAJOR, M
.
.
ทั้งนี้ สำหรับกลุ่มแบงก์ที่อาจจำเป็นต้องช่วยเหลือลูกหนี้ตามมาตรการของ ธปท. ต่อไป เราคาดผลกระทบจำกัดมาก เพราะมุมมองของ กนง. ต้องการให้ ช่วยกลุ่มเปราะบางแบบตรงจุด มากกว่าช่วยเหลือในวงกว้างเหมือนช่วง COVID-19 ระบาด
 

missวิมลรัตน์