ห้องเม่าปีกเหล็ก

เปิดมุมมองนักวิเคราะห์ชั้นนำ หลังเฟดส่งสัญญาณชะลอขึ้นดอกเบี้ย

โดย CUT
เผยแพร่ :
102 views

เปิดมุมมองนักวิเคราะห์ชั้นนำ

หลังเฟดส่งสัญญาณชะลอขึ้นดอกเบี้ย

อาจหนุนตลาดหุ้นไทยทะลุ 1,700 จุด

 

.

เมื่อคืนที่ผ่านมา ธนาคารกลางสหรัฐฯได้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 4.50-4.75% แต่คำถามสำคัญจากนักลงทุนก็คือการปรับขันในครั้งนี้จะส่งผลต่อสินทรัพย์เสี่ยงเช่นไร ในวันนี้ทาง Wealthy Thai จึงได้ทำการรวบรวมมุมมองจากนักวิเคราะห์มาแบ่งปันให้แก่ผู้อ่าน

.

โดยมุมมองนักวิเคราะห์บล.กสิกรไทย มีความเห็นว่า คาดการประชุมที่เหลือของปีนี้จะเห็น Fed ขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งคือ คาดจะขึ้นราว 0.25%s ด้วยโอกาสความน่าจะเป็นสูง 85.6% ดอกเบี้ยจะอยู่ที่ 5%และคงอัตราดอกเบี้ยยาวตลอดปี 66และคาดจะเห็นจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปี 67 โดยรวมทำให้ค่าเงิน Dollar อ่อนค่าแรง 1%และทำ New low ตั้งแต่เดือน พ.ค.2022 อยู่ที่ 101.1 จุด เป็นปัจจัยบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยงทั้งหุ้นกลุ่ม Tech, Crypto currency, ทองคำ

.

ดังนั้นประเมินผลบวกต่อตลาดหุ้นไทยโดยระยะสั้นยังประเมิน วันนี้แนวต้านอยู่ที่ 1691 จุด และระยะถัดไป 1705 จุด และระยะถัดไปยังมองบวกต่อคาดตลาดหุ้นจะแกว่งตัวขึ้นต่อไปจนถึงวันที่ 14 ก.พ.รายงานเงินเฟ้อสหรัฐ เดือน ม.ค.

.

ด้านบทวิเคราะห์ของบล.ธนชาต ให้มุมมองว่า ถ้อยแถลงของเจอโรม โพเวลล์ ยังเน้นย้ำว่าเร็วเกินไปที่ในปีนี้จะมีการปรับลดดอกเบี้ย แม้ว่าจะเริ่มเห็นตัวเลขเศรษฐกิจบางตัวอ่อนลง แต่การจ้างงานสหรัฐฯ ยังอยู่ในระดับที่ดี อัตราการว่างงานต่ำ และเงินเฟ้อสหรัฐฯ ชะลอตัวแต่ยังทรงตัวในระดับสูง

.

อย่างไรก็ดีธนาคารกลางสหรัฐฯต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจและปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไป เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถควบคุมเงินเฟ้อให้ลดลงสู่ระดับ 2% ให้ได้ ซึ่งตลาดเชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐฯจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง โดยดอกเบี้ยจะไปพีคที่ 5% ในช่วงปลายไตรมาส 1/66 จึงแนะนำ “ซื้อ” กลุ่มไฟแนนซ์ อย่าง SAWAD THANI TIDLOR

.

ส่วนบล.เอเชีย พลัส ให้มุมมองว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% มาอยู่ที่ 4.50-4.75% ตามคาด ขณะที่แนวโน้มทิศทางอัตราดอกเบี้ยจากนี้ เชื่อว่าเพดานในการปรับขึ้นเหลืออยู่เพียง 0.25 – 0.5% หลังจากนั้นคาดว่าจะเห็นอัตราดอกเบี้ยทรงตัว และอาจเห็นการปรับลดลงในช่วงไตรมาส 4/66

.

อย่างไรก็ดี เนื่องด้วยเงินเฟ้อที่ชะลอตัวตามราคาพลังงาน อีกทั้งกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วอย่างสหรัฐและยุโรป ธนาคารกลางต่างเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยที่แรงและเร็วเพื่อสกัดเงินเฟ้อให้เข้าสู่กรอบเป้าหมายที่ 2% และตัวเลขเศรษฐกิจที่เริ่มอ่อนแอ การเห็นเพดานของอัตราดอกเบี้ยที่จำกัด ส่งผลให้ฟันด์โฟลว์ไหลเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น

.

ส่วนในประเทศ สัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมีต่อเนื่อง โดยขนาดจีดีพีเพิ่งกลับมายืนเท่ากับจุดก่อนเกิด Covid-19 ขณะที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายก็ขยับขึ้นมาใกล้เคียงก่อนเกิด Covid-19 ภาวะดังกล่าวน่าจะเห็นโมเมนตั้มของการขยับขึ้นทั้งจีดีพีและอัตราดอกเบี้ย

.

ขณะเดียวกันอีกประเด็นหนึ่งที่อยู่ในความสนใจคือ การจัดเก็บภาษีจากการขายหุ้น แม้จะยังไม่เห็นการประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา แต่ก็ยังไม่เห็นสัญญาณที่กระทรวงการคลังจะยกเลิกการจัดเก็บภาวะของความไม่แน่นอนดังกล่าวอาจสร้างกระแสเก็งกำไรเป็นช่วงๆ

 

 


CUT