เจาะ Business Model MUDMAN
บริษัทประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น ( Holding Company )ที่ประกอบธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มและธุรกิจอื่น คือ ธุรกิจไลฟ์สไตล์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.มัดแมน : นาดิม ซาเวียร์ ซาลฮานี
บริษัทตั้งเป้าเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ แบรนด์ธุรกิจอาหาร แต่แบรนด์ที่ซื้อลิขสิทธิ์มา และบริหารอยู่ในปัจจุบัน ก็จะยังคงบริหารต่อไป ปัจจุบัน MUDMAN ได้ Acquire Grey Hound มาทั้งบริษัท ทำให้ MUDMAN สามารถขายเฟรนไชต์ Grey Hound café ได้ ปัจจุบัน MUDMAN เปิดสาขา Grey Hound café ในต่างประเทศในเอเชีย แล้ว 4-5 ประเทศ และวางแผนเปิดสาขาใน ลอนดอน โดยเวลำปเปิดสาขาที่ประเทศไหน จะคงเมนูของ Grey Hound café ที่ 70% นอกจากนั้นจะ Localize ตามประเทศนั้นๆ อีก 30% ปัจจุบัน Grey Hound café มี 14 สาขาในต่างประเทศ และทุกประเทศจะต้องเปิด เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 1 สาขา ต่อปี และขยายเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 2 ประเทศ ใน ทุกปี
Au bon pain ปัจจุบัน ไทยมี 72 สาขา เป็นอันดับ1 ของโลก และได้รับสิทธิ์จาก เจ้าของลิขสิทธิ์ในการขยายสาขาในอาเซียน โดยเสียค่าลิขสิทธิ์ 4 % ของรายได้ โดย Au bon pain หนึ่งสาขาลงทุน เฉลี่ย 5 ล้าน ถึง 6 ล้านบาท ยอดขาย 800,000 – 1,000,000 บาทต่อเดือน IRR 25%-30%
Dunkin Donut ลงทุน 1.3 ล้าน ต่อสาขา รายได้ 300,000 – 400,000 บาท ต่อเดือนต่อสาขา IRR 60%-70%
Buskin robbin ต้นทุนหลักๆ คือ การนำเข้าไอศกรีม จากอเมริกา100%ซึ่งทำให้ต้องจ่ายภาษีนำเข้าถึง 30% ทำให้ราคาขายต่อหน่อยค่อนข้างสูง และมีฐานลูกค้าน้อย โดยต่อไป บริษัทจะนำเข้าไอศกรีมจากเกาหลี ซึ่งใช้มาตฐานเดียวกับอเมริกาทำให้ต้นทุนสูงขึ้น แต่ไม่ต้องจ่ายภาษีนำเข้า เป็นเหตุให้ต้นทุนสุทธิ ลดลง12% สามารถขายได้ในราคาถูกลง ทำให้มีลูกค้ามากขึ้น
ในส่วนของงบการเงิน ปี59 ที่เห็นการขาดทุน 160 กว่าล้านบาท มาจากการตี Fair Value ใหม่ ของ Grey Hound fashion และบริษัทตัดสินใจรับรู้ผลการขาดทุนทั้งหมดในปี 59
นอกจากนี้ บริษัทคาดหวังการเติบโตเฉลี่ย 10%-15% ต่อปี เนื่องจากเศรษฐกิจและการเมืองในประเทศยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ บริษัทจึงมองการเติบโตจากต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น
มุมมองจาก ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ทั้ง au bon pain , buskin robbin , dunkin donut ล้วนแต่เจออุปสรรคเดียวกัน คือ ขายอาหารที่เป็นไฮเอ็น ทำให้มีราคาสูงกว่าคู่แข่งค่อนข้างมาก แต่ฐานลูกค้าที่มีกำลังซื้อไม่ได้กว้างมากทำให้ขายได้น้อย ถึงแม้ Gross profit marginจะสูงมากก็ตาม และ Grey Hound café ก็ประสบปัญหาเดียวกัน แต่เนื่องจากบริษัท เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เอง สามารถไปเปิดสาขาในต่างประเทศได้ ทำให้ก้าวข้ามข้อจำกัดเรื่อง คนมีรายได้น้อยไปได้
มุมมอง จาก ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล
วิเคราะห์จากโครงสร้างรายได้ของ MUDMAN
Dunkin Donut 40% ของรายได้รวม
Grey hound café 26% ของรายได้รวม
Au bon pain 24% ของรายได้รวม
Grey hound Fashion 6% ของรายได้รวม
Buskin robbin 3.5% ของรายได้รวม
บริษัทมีโอกาสที่จะขายเฟรนไชต์ได้ แต่ธุรกิจ มี Gross Profit Margin 68% EBITDA เหลือ 8% สะท้อนให้เห็นว่าธุรกิจ มี ค่าใช้จ่ายในการขายสูง การวิเคราะห์ ให้ติดตามในส่วนของ งบการเงินไปถัดๆไป และการขยายตัวของ Grey hound café ในอนาคต
- แหล่งข้อมูลจาก : รายการ Business Model Money Channel -