ส่องงบไตรมาส3/65
ของ 2 ตัวเต็งสื่อสาร ADVANC-TRUE

.
ช่วงนี้เป็นฤดูกาลของการประกาศผลประกอบการในไตรมาส 3/65 ซึ่งหลายบริษัทก็เริ่มทยอยเข็นตัวเลขออกมาให้นักลงทุนชุ่มชื่นใจหัวใจ ก็เว้นแต่หุ้นกลุ่มสื่อสารที่ 2 เจ้าใหญ่ระหว่างบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE และบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC ที่นักลงทุนยังรอการประกาศข่าวใหญ่
.
แน่นอนว่าการประกาศเข้าซื้อการของทั้ง 2 บริษัทยังเป็นสิ่งที่เห็นความชัดเจนไม่ได้ในเร็วๆนี้ จึงมีนักลทุนที่หันมาให้ความสนใจในด้านผลประกอบการว่าจะมีอะไรให้ได้เซอร์ไพรส์กันบ้างในวันนี้ทาง Wealthy Thai จึงอยากจะพานักลงทุนไปดูคาดการณ์จากทางฝั่งผู้เชี่ยวชาญ
.
โดยบทวิเคราะห์จากบล.พาย คาดการณ์ผลประกอบการของ ADVANC ในไตรมาส 3/65 จะมีกำไรปกติอยู่ที่ 6.6 พันล้านบาทลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 2.8% และลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า 0.4% แม้ว่าจะมียอดขาย iPhone 14 ที่เข้ามาและมีจํานวนสมาชิกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น
.
แต่บริษัทได้รับแรงกดดันจากรายได้เฉลี่ยต่อเลขหมาย (ARPU) เพราะสงครามราคายังเข้มข้นแต่ไม่ได้แย่ลงเพราะผู้ประกอบการต่างต้องการรักษาระดับกำไรเอาไว้ ซึ่งประเมินทิศทางตั้งแต่ไตรมาส 4/64 เป็นต้นไปบริษัทอาจเริ่มเห็น ARPU ที่ฟื้นตัวขึ้น เพราะยุติการให้บริการ 4G แบบรายเดือนและหันมาให้บริการ 5G กับลูกค้าใหม่อย่างเดียว (5G เอื้อให้ ARPU เพิ่มขึ้น 10%-15% เทียบกับ 4G)
.
ขณะเดียวยังโดนปัจจัยกดดันจากค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานด้านเครือข่ายที่สูงขึ้น ตามค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้น 20% จากราว 4 บาทต่อยูนิต เป็น 5 บาทต่อยูนิต ซึ่งต้นทุนสาธารณูปโภคคิดเป็นสัดส่วนราว 20% ของค่าใช้จ่ายการดำเนินงานด้านเครือข่ายของ ADVANC ค่าไฟฟ้าดังกล่าวอาจทรงตัวระดับสูงไปตลอดปี 2566 และอาจฉุดกำไรลงราว 4%
.
สำหรับคำแนะนำ “ซื้อ” เพื่อรอรับอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 4.2%-4.6% และมีราคาเป้าหมายอยู่ที่ 246 บาท ซึ่งราคาหุ้นตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันที่ปรับลดลง 17% ทำให้ราคาหุ้น ADVANC มีส่วนลดอยู่ที่ 19% คำนวณจากค่าเฉลี่ยกลุ่มโทรคมนาคมที่มี P/E อยู่ที่ระดับ 23.1 เท่า จึงเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าสะสม
.
ฟากบทวิเคราะห์จากบล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) มีคาดการณ์ผลประกอบการของ TRUE ในไตรมาส 3/65 จะขาดทุนสุทธิหลักสูงสุดเป็นประวัติการณ์หรืออยู่ที่ 3.1 พันล้านบาท เทียบกับขาดทุน 821 ล้านบาทในช่วงเดียวกันปีก่อนและ 2.4 พันล้านบาทจากไตรมาสก่อนหน้า
.
เนื่องจากรายได้จากบริการหลักที่ลดลง 1.4% จากช่วงเดียวกันปีก่อนและลดลง 0.7% จากไตรมาสก่อนหน้าขณะเดียวกันค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่สูงขึ้น 11.9%จากช่วงเดียวกันปีก่อนและเพิ่มขึ้น 2.9% จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งกดดันด้วยตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่สูงและการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรง
.
สำหรับคำแนะนำ “ถือ” และมีราคาเป้าหมายอยู่ที่ 5.40 บาท เนื่องจาก DTAC มีความน่าสนใจมากกว่า TRUE ด้วยอัพไซต์ของ DTAC ที่มีถึง 22% จากราคาเป้าหมายที่ 55.20 บาท เทียบกับ TRUE ที่มีอัพไซต์เพียง 6% จากราคาเป้าหมายที่ 5.40 บาท