เกิดอะไรขึ้นเมื่อ TRUE หงายไพ่ผลประกอบการไตรมาส 2/60 ที่ผ่านมา ขาดทุนหนักไปถึง 1.24 พันล้านบาท ทั้งที่ตอนประมูล 4G เมื่อปี 2559 ทางฝ่ายบริหารออกมาเปิดเผยว่าปี 2559 จะเป็นปีที่ยากลำบาก แต่เข้าปี 2560 แล้ว บริษัทจะมีกำไรที่ดีขึ้นและสามารถจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้ แต่ความเป็นจริงแล้วกลับขาดทุนหนัก บริษัทจะดำเนินธุรกิจต่อไปอย่างไร ? ยังเป็นคำถามคาใจนักลงทุนอยู่จนถึงตอนนี้
TRUE แบ่งกลุ่มธุรกิจหลักออกเป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย (1) ธุรกิจออนไลน์ ภายใต้ทรูออนไลน์ ซึ่งประกอบด้วย บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงหรือบริการบรอดแบนด์ บริการโครงข่ายข้อมูล บริการโทรศัพท์พื้นฐานและบริการเสริมต่าง ๆ (2) ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ ภายใต้ทรูมูฟ เอช ซึ่งให้บริการครบทุกมิติทั้งระบบ 4.5G/4G 3G และ 2G ที่ครอบคลุมสูงสุดทั่วประเทศ ผ่านการผสมผสานคลื่นย่านความถี่ต่ำและสูงได้อย่างลงตัว (3) ธุรกิจโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิก และโทรทัศน์ในระบบดิจิตอล ภายใต้ ทรูวิชั่นส์
บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE รายงานผลดำเนินงานไตรมาส 2/60 กลุ่มทรูมีผลขาดทุนสุทธิ 1,245.4 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น 1,410% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 82.48 ล้านบาทเท่านั้นเอง อย่างไรก็ตาม ผลการดาเนินงานหลักของกลุ่มทรูในธุรกิจทุกๆเซกเมนต์ปรับตัวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงการควบคุมรายจ่ายที่มีประสิทธิภาพของฝ่านบริหาร
โดยรายได้จากการให้บริการโดยรวมของกลุ่มทรูเพิ่มขึ้น 10% จากช่วงเวลาเดียวกันปีก่อนหน้า เป็น 24,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นผลจากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และบริการบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต
ในไตรมาส 2/60 บริษัทมี EBITDA ที่เติบโตแข็งแกร่ง 37.8% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/59 เป็น 8,700 ล้านบาท และ EBITDA Margin ที่เพิ่มสูงถึง 36% ส่วนใหญ่เป็นผลจากการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญของรายได้โทรศัพทืเคลื่อนที่ทรูมูฟ เอช และมาตรการควบคุมค่าใช้จ่ายของกลุ่ม
ด้วยการลงทุนอย่างหนักของกลุ่มทรู ทำให้ทรูมูฟ เอช ขยายฐานลูกค้าทั้ง ในระบบรายเดือนและระบบเติมเงินได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีจานวนลูกค้ารวมเพิ่มขึ้น เป็น 26.2 ล้านราย โดยมีผู้ใช้บริการรายใหม่เพิ่มขึ้นสุทธิ 424,000 ราย ในขณะที่ ผู้ให้บริการรายใหญ่อีกสองรายในอุตสาหกรรมมีฐานลูกค้ารวมกันลดลงสุทธิ 880,000 ราย ในระหว่างไตรมาส ส่งผลให้ ทรูมูฟ เอช มีส่วนแบ่งตลาดฐานลูกค้าเพิ่มเป็น 29%
ทางด้านค่าใช้จ่าย .. บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานหลักสูงถึง 19,000 ล้านบาท ค่อนข้างคงที่จากไตรมาสก่อนหน้า (เพิ่มขึ้นเพียง 0.1%) ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการบริหารและเงินเดือนของพนักงานเพิ่มขึ้น 4.2% ถือว่าคุ้มค่าใช้จ่ายค่อนข้างดี
ส่วนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายอยู่ที่ 8,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากไตรมาสก่อนหน้า ตามการขยายโครงข่ายและบริการของกลุ่มทรูอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มขึ้น 43.5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปี ก่อนหน้า ส่วนใหญ่เป็นผลจากการรับรู้ค่าตัดจำหน่ายใบอนุญาตใช้คลื่นความถี่
อ่านเพิ่มเติมที่นี้ : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังต้องจับตาหุ้น TRUE กันต่อไป เมื่ออุตสาหกรรมการแข่งขันที่รุนแรง อีกทั้งบริษัทก็ยังไม่สามารถทำกำไรได้ เมื่อยังมองไม่เห็นกำไร หุ้นก็ยังไม่ผ่านพ้นจุดต่ำสุด ด้วย ROE ที่ติดลบ อัตรากำไรสุทธิยังมองไม่เห็น ค่า P/E ที่ยังคำนวนไม่ได้ ปันผลยังไม่ปรากฏ ในสายตาของนักลงทุนแล้ว หุ้น TRUE ก็ยังเป็นหุ้น Turn Around ที่ยังรอคอยวันจะฟื้นตัวอยู่ไกลๆ
ของคุณแหล่งข้อมูล ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ http://www.efinancethai.com