FVC เดิมพันอนาคตกับวุฒิศักดิ์คลีนิค กับ ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล และดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ในรายการ Business Model สรุปสาระสำคัญมาให้อ่านกันจากการฟังรายการย้อนหลัง
ลักษณะธุรกิจ
ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับระบบบำบัดน้ำให้บริสุทธิ์ (Purified Water Treatment System) และธุรกิจบริการทางการแพทย์ที่ให้ความสำคัญต่อสุขอนามัยเป็นพิเศษ (Hygienic) ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจบริการทางการแพทย์ด้านศูนย์ไตเทียม และคลินิกเวชกรรมเพื่อสุขภาพและความงาม
ส่วนที ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล วิเคราะห์ไว้ในรายการ
- FVC มี 3 ธุรกิจ คือ ทำระบบกรองน้ำในอุตสาหกรรมให้บริสุทธิ์คิดเป็น 15% ของรายได้
ธุรกิจกรองน้ำเชิงพาณิชย์ที่พักอาศัย เช่น ร้านสะดวกซื้อ คิดเป็น 37% ของรายได้
ธุรกิจบริการทางการแพทย์ไตเทียมและวุฒิศักดิ์คลีนิก คิดเป็น 46% ของรายได้
- รายได้ทางการแพทย์ทำให้บริษัทโตก้าวกระโดดทั้งในแง่รายได้และ Gross Margin แต่ตอนนี้อาจจะยังไม่เห็นเด่นชัดนัก
- Net Margin ถ้านับแต่ธุรกิจเดิมอยู่ที่ประมาณ 3% พอเข้าซื้อวุฒิศักดิ์เข้ามาทำให้มาร์จิ้นติดลบ 3% อาจจะอยู่ในช่วงของการใช้เงินลงทุน ต้องจับตาดูอีกสักระยะ
- FVC มีการโตแบบ Organic อยู่แล้ว การเข้าซื้อกิจการจะทำให้บริษัทโตแบบ Non Organic
- การขาดทุนจากวุฒิศักดิ์ อาจจะเป็นเรื่องของการใช้เงินปรับปรุงสาขา ลงทุนในเรื่องของการขยายสาขา
- โดยปกติ FVC โตตามการขยายสาขาของร้านสะดวกซื้อ ร้านกาแฟ อยู่แล้ว
- ธุรกิจบำบัดน้ำ ต้องดูเรื่องของการจัดตั้งโรงงานอุตสาหกรรมมีเพิ่มมากขึ้นแค่ไหน
- ธุรกิจพาณิชย์ ต้องดูในเรื่องของการเติบโต ขยายสาขา มากน้อยแค่ไหนในปีนั้นๆ
- ธุรกิจไตเทียม เป็นธุรกิจน้ำซึมบ่อทราย สร้างกระแสเงินสดได้อยู่
- ธุรกิจวุฒิศักดิ์ ตรงนี้ไม่แน่ใจว่าดำเนินการไปถึงไหนแล้ว เข้าใจว่าน่าจะลงทุนไปบ้างแล้ว
- P/BV เหลือ 0.96 ในขณะที่ ROE ลดลงไปเยอะมาก กลายมาเป็นเรื่องของการเทิร์นอราวมากน้อยแค่ไหน
- สิ่งที่นักลงทุนต้องคาดการว่า เมื่อไรจะกลับมาทำกำไรได้ ตรงนี้เป็นคำถามสำคัญ
- ธุรกิจเสริมสวยอยู่ในกลุ่มตะวันตกดิน แต่ธุรกิจขายเครื่องสำอางค์ตรงนี้มาร์จิ้นเขาสูง ตรงนี้ต้องแยกให้ออก
- การมี 25 สาขาของวุฒิกศักดิ์ ต้องยอมรับว่าน้อยไป ยังไม่มี Economy of Scale
- ธุรกิจมีคู่แข่งเยอะ ตรงนี้ต้องระมัดระวัง การแข่งขันสูง ผู้บริโภคเลือกได้หลายอย่าง กำลังซื้อผู้บริโภคระดับแมสก็ลดลง อีกทั้งค่าใช้จ่ายในการเช่าสถานที่เพิ่มขึ้น
ส่วนที ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร วิเคราะห์ไว้ในรายการ
- คิดว่าทั้ง 2 ธุรกิจไม่ได้เกี่ยวข้องกัน เพียงแต่บริษัทพยายามหาอะไรใหม่ๆมาทำ เพราะธุรกิจเดิมมาร์จิ้นบางไปแล้ว
- ธุรกิจประเภทติดตั้งระบบกรองน้ำ เข้ามาแย่งตลาดง่าย ใครบริการดี ราคาถูก ก็ได้งานไป มาร์จิ้นเลยน้อย กำไรยากโตยาก ค่อยๆไปเรื่อยๆ ถึงแม้จะฟังดูดีว่า ทำระบบกรองน้ำให้สตาร์บักส์ ทำให้อเมซอล แต่เราต้องเข้าใจว่าบริการประเภทนี้ก็เหมือนกับรับเหมางานมาทำ
- วุฒิศักดิ์คลีนิค จริงๆในรายละเอียดไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร ว่าเขาซื้อมายังไง แล้วจะทำอะไรบ้าง
- การเป็นเฟรนไชส์จะมีข้อจำกัดเหมือนกัน ขยายสาขาหรือทำอะไรใหม่ๆอาจจะทำไม่ได้ เราในฐานะเป็นผู้ให้บริการเฉยๆ
- ด้วยสภาวะอุตสาหกรรมความงามมองว่ามันตกต่ำลงเรื่อยๆ แข่งกันสูงมาก ใครๆก็เปิด ตอนนี้มันเข้ามาถึงจับกลุ่มลูกค้าแมสแล้ว กลายมาเป็นสงครามราคา พอมีสงครามราคา จะคาดหวังกำไรมากๆไม่ได้แล้ว
- อุตสาหกรรมมันกว้างมากถึงขนาดมีหมอเถื่อน ไม่มีใบอนุญาตก็สามารถรับทำได้
- ไม่แน่ใจว่าการเข้าลงทุนวุฒิศักดิ์คลีนิค จะออกมาดีหรือไม่ดี ต้องรอดูอีกที
- ราคาหุ้น FVC ลงมาเยอะมาก Market Cap. เหลือ 700 ล้าน ราคาสมเหตุสมผลหรือไม่ตรงนี้ยังไม่แน่ใจ
- สิงที่ท้าทายที่สุด คือ การเปลี่ยนโมเดลธุรกิจใหม่เลย จะประสบความสำเร็จไหม ลูกค้าคือใคร จะมีลูกค้ามากแค่ไหน
- ธุรกิจคลีนิคความงาม มีเยอะมาก เหมือนข้าว เหมือนยางที่ล้นตลาด พอล้นตลาดราคาก็ลง
- ทุกคน ตอนนี้รู้หมดแล้วว่าทำจมูกต้องราคาเท่าไร ตรงไหนถูก คุณภาพดีเขาก็ไปกัน วุฒิศักดิ์แข่งขันยาก แต่ถ้าเขาเปลี่ยนโมเดลอะไรใหม่ๆอาจจะเปลี่ยนก็ได้ แต่ปัญหาคือเขาไปซื้อเฟรนไชส์มา ทำอะไรไม่ได้มาก
- สิ่งที่นักลงทุนต้องมองหา คือ "โอกาส" จะเทิร์นอราวได้มากน้อยแค่ไหน มีโอกาสเปลี่ยนไหม
-------------------------------------------------
ขอบคุณแหล่งข้อมูล : รายการ Business Model FVC เดิมพันอนาคตกับวุฒิศักดิ์คลีนิค
ดูฉบับเต็มได้ที่นี้เลยครับ