มอร์นิ่งสตาร์ฯคาดกอง LTF กว่าหมื่นล้านบาท จ่อขายออกไตรมาส 1/60 หลังทำกำไรเฉลี่ยแตะปีละ 5% ชี้นักลงทุนไทยส่วนหนึ่งนิยมแช่เงินไว้ในกองทุน หวังปั้นผลตอบแทน ฟากโบรกฯมั่นใจนักลงทุนขายแน่ เหตุดัชนีตลาดหุ้นเปิดศักราชปีระกาพุ่งสูงกว่าดัชนีเฉลี่ย 5 ปีก่อนถึง 13%
นายกิตติคุณ ธนรัตนพัฒนกิจ นักวิเคราะห์ข้อมูล บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) กล่าวว่า สำหรับความกังวลในเดือน ม.ค. ที่คาดกันว่าจะมีแรงเทขายกองทุนรวมหุ้นเพื่อการลงทุนระยะยาว (LTF) ที่ครบกำหนดอายุไถ่ถอน (ลงทุนตั้งแต่ปี 2556) ออกมากดดันตลาดหุ้นนั้น ส่วนตัวมีความเห็นว่าแรงเทขายดังกล่าวมีโอกาสจะอยู่ในระดับประมาณ 1 หมื่นล้านบาท สูงกว่าเมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมาก แต่ไม่น่าจะไหลออกอย่างรุนแรงนัก เพราะมีข้อมูลในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2555-2559) พบว่า แรงเทขายที่เกิดขึ้นช่วงไตรมาส 1 ของทุกปี ไม่ได้มีมูลค่าที่สูงนัก
"มูลค่าการขาย LTF ที่ครบกำหนดอายุไถ่ถอนช่วงไตรมาส 1 ของแต่ละปีที่ผ่านมาไม่ได้อยู่ในอัตราที่สูงเลย นักลงทุนหลายคนก็ไม่ถอนเงินออกจากกองทุน แม้จะครบกำหนดอายุไถ่ถอน และไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ก็ยังไม่ขายออก ซึ่งเป็นไปได้ว่า ผู้ที่ลงทุน LTF แล้วอยากลงทุนต่อในกองทุนนั้น ๆ มีอยู่จำนวนมาก อย่างไรตาม ในปี 2560 ดัชนีปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างสูง เงินก็มีโอกาสไหลออกจาก LTF มากขึ้น ซึ่งน่าจะมีเม็ดเงินหลักประมาณ 1 หมื่นล้านบาท อาจจะเห็นได้" นายกิตติคุณกล่าว
ทั้งนี้ ข้อมูลสถิติของบริษัทมอร์นิ่งสตาร์ฯพบว่า ปัจจุบันมีมูลค่าเงินลงทุนใน LTF ที่สามารถขายออกได้ในปี 2560 จำนวนสูงถึง 2.14 แสนล้านบาท จากสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหาร (AUM) ของ LTF ทั้งระบบที่มีมูลค่าทั้งสิ้น 3.09 แสนล้านบาท (ข้อมูล ณ สิ้นเดือนพ.ย. 2559) แต่ก็ยังไม่มีการขายออกมากนักสะท้อนว่านักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงนิยมใส่เงินลงทุนไว้ใน LTF
"แม้การลงทุน LTF จะกระจุกตัวในช่วงปลายปี ซึ่งเป็นจังหวะที่ดัชนีปรับตัวขึ้นมาระดับหนึ่ง แต่นักลงทุนก็ยังสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีเมื่อครบกำหนดอายุไถ่ถอน เห็นได้จากต้นทุนเฉลี่ยของนักลงทุนส่วนใหญ่ที่ลงทุนในปี 2556 นั้น จะอยู่ที่ดัชนีประมาณ 1,325-1,350 จุด (คำนวณดัชนีเฉลี่ยช่วง 6 เดือนหลังของปี 2556) ดังนั้นด้วยราคาดัชนี ณ ปัจจุบัน ผู้ลงทุนจะกำไรเฉลี่ยประมาณ 5% ต่อปี (ไม่รวมเงินปันผล) อย่างไรก็ตามไม่ใช่ว่านักลงทุนทุกคนจะอยากขายทันทีที่ครบกำหนดไถ่ถอน เพราะบางคนอาจเห็นว่ากองทุนสร้างผลตอบแทนที่ดีอีกทั้งยังไม่มีแผนจะลงทุนในช่องทางอื่น ก็ยังคงวางเงินไว้ใน LTF อยู่" นายกิตติคุณกล่าว
ด้านนายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโสสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ สำนักวิจัยทิสโก้กล่าวว่า ช่วงต้นปี 2560 เชื่อว่าจะมีนักลงทุนขาย LTF ออกมาพอสมควร เพราะหากประเมินต้นทุนการซื้อกองทุน LTF ช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี 2556 ด้วยการอ้างอิงจากดัชนีตลาดหุ้นไทยโดยเฉลี่ยในช่วงดังกล่าวซึ่งอยู่ที่ราว 1,374 จุด จะพบได้ว่านักลงทุนจะมีกำไรจากการลงทุนค่อนข้างดี เนื่องจากดัชนี ณ ปัจจุบันได้ปรับตัวขึ้นมาที่ระดับกว่า 1,550 จุดแล้ว หรือคิดเป็นอัตราการปรับตัวขึ้นของดัชนีราว 13%
"ปกติแล้วแรงเทขายกองทุน LTF จะค่อนข้างมาในช่วงต้นปี เพราะเมื่อนักลงทุนถือครองหน่วยลงทุนครบตามที่กำหนด ก็มักจะขายออกเพื่อนำเงินออกไป ดังนั้นในปี 2560 ก็น่าจะเป็นอย่างนั้นเช่นกัน เพียงแต่ตอนนี้บรรยากาศการลงทุนดี จากแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติที่ไหลเข้ามา นักลงทุนที่ถือ LTF ครบอายุไถ่ถอน จึงอาจจะไม่รีบขายมากนัก เพราะบางส่วนอาจจะรอจังหวะที่ตลาดปรับตัวขึ้นไปมากกว่านี้ แล้วค่อยขายทำกำไร" นายอภิชาติกล่าว