ห้องเม่าปีกเหล็ก

กรณีศึกษา Red Bull เครื่องจักรทำเงิน ของตระกูล อยู่วิทยา

โดย ร้อยแปดพันก้าว
เผยแพร่ :
86 views

กรณีศึกษา Red Bull เครื่องจักรทำเงิน ของตระกูล อยู่วิทยา | BrandCase

 

Red Bull คือแบรนด์เครื่องดื่มชูกำลังระดับโลก มียอดขายปีที่แล้ว 357,000 ล้านบาท จากการขายเครื่องดื่มใน 175 ประเทศทั่วโลก

ซึ่งรู้ไหมว่ารายได้ระดับนี้ เยอะกว่ารายได้ของ CRC บริษัทค้าปลีกของเครือเซ็นทรัลเสียอีก

ซึ่งหนึ่งในเจ้าของรายใหญ่ของ Red Bull ก็คือตระกูลนักธุรกิจชาวไทย อย่างตระกูลอยู่วิทยา

แล้วเรื่องราวนี้น่าสนใจอย่างไร ?

BrandCase สรุปให้ แบบเข้าใจง่าย ๆ

ในปี 1976 นั้น คุณเฉลียว อยู่วิทยา ได้เริ่มสร้างแบรนด์เครื่องดื่มชูกำลัง “กระทิงแดง” ขึ้นมา

และต่อมา กระทิงแดง ได้กลายเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย โดยเฉพาะในกลุ่มคนขับรถบรรทุกและผู้ใช้แรงงาน

ต่อมาในปี 1982 นักธุรกิจชาวออสเตรีย ชื่อว่า คุณดีทริช เมเทสซิทซ์ ได้เดินทางมาประเทศไทย

และด้วยความที่เขาเดินทางด้วยเครื่องบินเป็นระยะเวลานาน ทำให้เขาเกิดอาการ Jet Lag

ซึ่งอาการ Jet Lag ก็คือความผิดปกติทางการนอน ที่เกิดขึ้นชั่วคราวจากการเดินทางบินข้ามเขตเวลาโลกแล้วร่างกายยังไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ที่มีเวลาแตกต่างกันได้

แต่เมื่อเขาได้ลองดื่ม กระทิงแดง ผลปรากฏว่าได้ช่วยให้อาการดีขึ้น และรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า

กลายเป็นว่าทำไปทำมา ด้วยความหัวนักธุรกิจ

คุณดีทริชไปหาทางคุยกับคุณเฉลียว เจ้าของกระทิงแดงจนได้ และบอกว่าเขาสามารถต่อยอดกระทิงแดง ไปเป็นแบรนด์ระดับโลกได้

หลังจากนั้น ทั้งคู่ได้ร่วมก่อตั้ง Red Bull GmbH ขึ้นในปี 1984 โดยการร่วมลงทุนกับคุณเฉลียว คนละ 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ ถือหุ้นคนละ 49%

ขณะที่หุ้นส่วนที่เหลืออีก 2% ถือโดย คุณเฉลิม อยู่วิทยา ลูกชายของ คุณเฉลียว อยู่วิทยา

โดยที่คุณดีทริช รับหน้าที่เป็นผู้บริหารกิจการด้วยตนเอง

ซึ่งเขาได้ทำการศึกษาตลาดและวิเคราะห์ลูกค้า รวมถึงมีการวางตำแหน่งทางการตลาดของ Red Bull

และทำภาพลักษณ์ของ Red Bull เป็นสินค้าราคาพรีเมียม เน้นตอบสนองไลฟ์สไตล์กลุ่มคนรุ่นใหม่

จน Red Bull ได้เปิดตัวที่ประเทศออสเตรียเป็นครั้งแรกในปี 1987 และนั่นคือจุดเริ่มต้นเส้นทางแห่งความสำเร็จของแบรนด์ Red Bull นับแต่นั้นเป็นต้นมา

หลังจากนั้นไม่นาน Red Bull ได้ขยายเข้าไปยังยุโรปและสหรัฐอเมริกา

โดยในช่วงแรกที่เข้าไปนั้น Red Bull สามารถครองส่วนแบ่งทางการตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในสหรัฐอเมริกา ได้มากถึง 75%

ซึ่งหนึ่งในกลยุทธ์การตลาดสำคัญที่ทำให้ Red Bull เติบโตและเป็นที่รู้จักอย่างมากก็คือ การเข้าไปเป็นสปอนเซอร์ให้กับกีฬาประเภท Extreme หรือ กีฬาผาดโผน

ซึ่งเป็นกีฬาที่มีความเสี่ยงสูง แต่ก็สร้างความสนุกสนาน ตื่นเต้น เร้าใจ ให้กับทั้งผู้เล่นและผู้ชมในเวลาเดียวกัน

รวมถึงเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลชื่อดังในต่างประเทศหลายแห่ง เช่น แอร์เบ ไลพ์ซิช ในเยอรมนี และสโมสรฟุตบอล เร็ดบุลซัลทซ์บวร์ค

ปัจจุบัน Red Bull GmbH มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 2 คน ซึ่งเป็นลูกชายของผู้ร่วมก่อตั้งทั้งคู่ คือ

- คุณเฉลิม อยู่วิทยา จำนวน 51%

- คุณมาร์ก เมเทสซิทซ์ จำนวน 49%

แล้วสถิติที่น่าสนใจของ Red Bull GmbH ในปี 2022 ที่ผ่านมา มีอะไรบ้าง ?

- รายได้รวม 357,000 ล้านบาท

- ขายใน 175 ประเทศทั่วโลก

- ครองส่วนแบ่งทางการตลาด 25% ของตลาดเครื่องดื่มชูกำลังทั้งโลก

- จำหน่ายไปแล้วกว่า 100,000 ล้านกระป๋อง นับตั้งแต่ก่อตั้งแบรนด์มา

และปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ

ปัจจุบัน คุณมาร์ก เมเทสซิทซ์ ลูกชายของคุณดีทริช ถูกจัดให้เป็นบุคคลที่รวยที่สุดในออสเตรีย โดยมีทรัพย์สินสูงถึง 1,200,000 ล้านบาท

ส่วนคุณเฉลิม อยู่วิทยา และครอบครัว ก็มีทรัพย์สินสูงถึง 1,200,000 ล้านบาท เช่นเดียวกัน

ซึ่งทำให้คุณเฉลิม นั้นถูกจัดให้เป็น หนึ่งในบุคคลที่รวยที่สุดในประเทศไทย..

References

-https://en.wikipedia.org/wiki/Red_Bull_GmbH

-https://en.wikipedia.org/wiki/Red_Bull

-https://www.lifestyleasia.com/.../red-bull-family-net-worth/

-https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_Austrians_by_net_worth

-https://www.forbes.com/lists/thailand-billionaires/...

 

 


ร้อยแปดพันก้าว