หุ้นกลุ่มพาณิชย์น่าสนใจ
คอลัมน์ เติมความคิดพิชิตการลงทุน เอกภาวิน สุนทราภิชาติ บล.ไทยพาณิชย์
สวัสดีครับท่านผู้อ่าน ตลาดหุ้นต่าง ๆ ปรับตัวขึ้นจากเศรษฐกิจที่ส่งสัญญาณฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง และสุดท้ายแล้วทางสหรัฐได้มีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ได้ทันก่อนมาตรการเดิมจะสิ้นสุดลง
ขณะที่เงินเฟ้อสหรัฐประจำเดือน ก.พ.ไม่ได้สูงมาก และผลประชุม Fed มีมติคงดอกเบี้ยไว้ที่ 0-0.25% และคงวงเงินซื้อพันธบัตรที่ 1.2 แสนล้านเหรียญ/เดือน พร้อมทั้งส่งสัญญาณใช้ดอกเบี้ยระดับต่ำใกล้ 0 ต่อไปถึงปี’66 โดยต้องการให้เงินเฟ้อมีเสถียรภาพเหนือ 2% และเมื่อตลาดแรงงานขยายตัวมากกว่านี้จึงค่อยพิจารณา
ซึ่งปัจจัยต่าง ๆ ดังกล่าวนี้ได้ช่วยคลายกังวลของตลาดว่า Fed อาจพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น
ด้านตลาดหุ้นไทย เคลื่อนไหวโดดเด่นโดยขึ้นทำจุดสูงใหม่ในรอบ 13 เดือน และเคลื่อนไหว outperform ดัชนี MSCI Asia ex Japan รวมถึงฟื้นตัวกลับมาระดับก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 แล้ว จากปัจจัยหนุนเรื่องการเปิดเมือง รวมถึงกลุ่มน้ำมันได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นปัจจัยหนุนตลาด
ทั้งนี้ ในภาพรวมผมมองว่า SET ยังปรับขึ้นได้ต่อ และคาดว่าในเดือน เม.ย. จะเป็นเดือนที่ SET ขึ้นมาเคลื่อนไหวเหนือระดับ1,600 จุดได้ โดยมองแนวต้านเป้าหมายอยู่ที่ 1,620 และ 1,640 จุด ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม ต้องระวังในเดือน พ.ค. ที่ในปีนี้มองว่ามีโอกาสเกิด Sell in Mayได้ค่อนข้างมาก เนื่องจากตลาดหุ้นทั่วโลกปรับขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง และยังไม่ได้เกิดการปรับฐานเลย ซึ่ง SET เองก็เช่นเดียวกัน ผมมองว่าในเดือน พ.ค. ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสที่จะเกิดการปรับฐาน
ดังนั้น จะเห็นว่าระดับ SET ปัจจุบัน แม้ขึ้นได้ต่อ แต่ระยะทางในการขึ้นก็มีอีกไม่มาก ทำให้การเลือกซื้อหุ้นจากนี้ ผมแนะนำไปที่กลุ่มหุ้นที่ยัง laggard หรือราคาหุ้นยังปรับขึ้นช้ากว่า SET โดยคาดว่ายังมี upside พอที่จะสามารถซื้อแล้วให้ผลตอบแทนที่ดี เพื่อรอขายทำกำไร ก่อนที่ตลาดจะเกิดการปรับฐานในเดือน พ.ค. ตามที่ผมคาดการณ์
โดยกลุ่มที่น่าสนใจ ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ ซึ่งราคาหุ้นบางตัวในกลุ่มนี้ยังปรับขึ้นมาไม่ถึงก่อนการระบาดของโควิด-19 ในขณะที่ SET ปรับตัวขึ้นมาถึงแล้ว
ทั้งนี้ แม้คาดว่าในไตรมาส 1 ปี 2564 (ต้นปีถึงปัจจุบัน) ยอดขายสาขาเดิม (SSS) ของกลุ่มพาณิชย์น่าจะหดตัวลง YOY ใกล้เคียงกับ -11% YOY ในไตรมาส 4 ปี 2563
อย่างไรก็ตาม ใน 2Q64 (ไตรมาส 2 ปี 2564) เราคาดว่า SSS ของกลุ่มพาณิชย์จะกลับมาเติบโต YOY เป็นครั้งแรกในรอบ 1 ปี โดยได้รับการสนับสนุนจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ค่อย ๆ กลับคืนมา และฐานต่ำในไตรมาส 2 ปี 2563 เมื่อประเทศไทยอยู่ในช่วงล็อกดาวน์ ซึ่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19
ส่วนภาพรวมในปี 2564 คาดว่า SSS จะกลับมาเติบโต 3.9% YOY จากระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ -10.7% YOY ในปี 2563 โดยมีปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ 1)คาดว่าการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนของประเทศไทยจะกลับมาเติบโต 3.7% YOY ในปี 2564 (เทียบกับ -1.0% YOY ในปี 2563) จากอุปสงค์ที่ถูกอั้นไว้กลับคืนมาหลังสถานการณ์โควิด-19 และมาตรการกระตุ้นของรัฐบาล
2) รายได้เกษตรกรกลับมาเติบโต YOY เป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน จากราคาสินค้าเกษตรและผลผลิตที่เพิ่มขึ้น
และ 3) คาดว่าการแจกจ่ายวัคซีนโควิด-19 จะมีความคืบหน้ามากขึ้น โดย SCB EIC ประเมินว่าประเทศไทยจะฉีดวัคซีนโควิด-19 ครอบคลุมประชากรครึ่งหนึ่งของทั้งหมดภายในสิ้นปี 2564 และจะครอบคลุมประชากร 60-70% (สร้างภูมิคุ้มกันหมู่สำเร็จ) ภายใน 1Q65 และเมื่อการแจกจ่ายวัคซีนโควิด-19 ได้มากขึ้น กิจกรรมทางเศรษฐกิจก็จะฟื้นตัวดีขึ้น ด้านกำไรของกลุ่มพาณิชย์คาดจะกลับมาเติบโต 28% YOY (เทียบกับ -36% YOY ในปี 2563)
หุ้นที่น่าสนใจในกลุ่มพาณิชย์นี้ ผมแนะนำ 3 ตัว ได้แก่ GLOBAL เนื่องจาก SSS ใน 1Q64TD เติบโตดีที่สุดในกลุ่ม และกำไร 1Q64 มีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่งที่สุด และ HMPRO รวมถึง CPALL ซึ่งราคาหุ้นยัง laggard
โดยราคาหุ้นก่อนเกิดโควิด-19 ของ HMPRO เคลื่อนไหวอยู่ที่บริเวณ 16-17 บาท เทียบกับราคาปัจจุบันที่เคลื่อนไหวอยู่ที่บริเวณ 14-15 บาท และ CPALL ราคาหุ้นก่อนเกิดโควิด-19 เคลื่อนไหวอยู่ที่บริเวณ 75-76 บาท เทียบกับราคาปัจจุบันที่เคลื่อนไหวอยู่ที่บริเวณ 67-68 บาท
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก