ห้องเม่าปีกเหล็ก

ตลาดหุุุุุุุุุ้้้้้้้้นขับเคลื่อนด้วยอะไร?

โดย ศักดิ์
เผยแพร่ :
49 views

ก่อนอื่นท่านฯนักลงทุนควรจะทําความเข้าใจเสียก่อนว่าตลาดหุ้นขับเคลื่อนด้วยอะไร? ในสมัยก่อนที่ Demand-Side Economics มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นนั้น ตลาดหุ้นนั้นจะถุกขับเคลื่อนด้วยวัฏจักรของนโยบายการคลังและนโยบายการเงินของรัฐบาลเป็นหลักดังนี้ คือ :

1) วัฏจักรนโยบายการคลังจะขับเคลื่อนโดยการลงทุนจากภาครัฐเป็นหลัก เช่น นโยบาย New Deal ของประธานาธิบดี Franklin D. Roosevelt โดยได้หลักทฤษฏีมาจาก Sir John Maynard Keynes แล้วสามารถทําให้เศรษฐกิจรุ่งเรือง ตลาดหุ้นบูม แต่หลักการนี้ไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องเงินเฟ้อในช่วงวิกฤติการณ์พลังงานครั้งที่ 1 ในปี ค.ศ 1973 ได้

2) วัฎจักรนโยบายการเงินจะขับเคลื่อนตลาดหุ้นโดยการปรับตัวเพิ่มขึ้นและลดลงของดอกเบี้ยนโยบาย โดยใช้หลักทฤษฏีมาจาก Dr. Milton Friedman และใช้ได้ดีหลังจากวิกฤติการณ์พลังงานครั้งที่ 1 ในปี ค.ศ 1973 เป็นต้นมา

3) Supply-Side Economics เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจทางด้าน Supply โดยการลดภาษีและลดกฏเกณฑ์ภาครัฐ แล้วทําให้เศรษฐกิจเจริญเติบโตได้ดี โดยใช้ในรัฐบาลประธานาธิบดี Ronald Reagan และประธานาธิบดี Donald Trump ก็นํามาใช้เป็นบางส่วน แล้วก็ได้ส่งผลทําให้เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาเติบโตดี 

4) อีกส่วนหนึ่งที่ต่อยอดมาจาก Supply-Side Economics ก็คือ Innovation เพราะมีการลดกฎเกณฑ์ภาครัฐ จึงทําให้เกิดการกระตุ้นให้เกิด Innovation ซึ่งทําให้มีการประดิษฐ์คิดค้นนวัตกรรมต่างๆ จนทําให้บริษัทที่ใหญ่ที่สุด  5 บริษัทแรกของโลก เป็นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมทั้งนั้น โดยคิดค้น Supply เป็นอันดับแรก เพื่อให้เกิด Demand ตามมาทีหลัง เช่น APPLE, AMAZON, GOOGLE, MICROSOFT และ FACEBOOK เป็นต้น

5) "ความไม่อยู่กับร่องกับรอย " เป็นกลยุทธล่าสุดที่ " นายตลาดตัวจริงเสียงจริงอย่าง เอะอะ โผงผาง ไม่อยู่กับร่องกับรอย " นํามาใช้เพื่อผสมผสานนโยบายตั้งแต่ข้อที่ 1) ถึงข้อที่ 4) เพื่อจุดมุ่งหมายอย่างเดียวคือ " America First " และผลที่เกิดขึ้นก็คือ เศรษฐกิจและตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาดีเกินคาด การว่างงานตํ่าสุดในรอบ 50 ปี ดังนี้ คือ :

5.1) ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน 550,000 ล้าน USD ( ผ่านทางนโยบายการคลัง )

5.2) ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายขาขึ้นรอบใหญ่แบบค่อยเป็นค่อยไป ( ผ่านทางนโยบายการเงิน ) เพราะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกายังคงเป็นขาขึ้นรอบใหญ่จนถึงปลายปี พ.ศ 2563 หลังจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาครั้งต่อไป ( The Next Presidential Election )

 5.3) ลดภาษีนิติบุคคลจาก 35% ลงเหลือ 15% เพื่อส่งเสริมการลงทุนภายในประเทศและการลงทุนไหลกลับประเทศ และทําให้เกิดการสร้างงานให้กับประชาชนชาวอเมริกัน ในขณะเดียวกันสินค้าที่ผลิตได้ก็จะมีราคาถูกมากขึ้น ซึ่งจะทําให้เงินเฟ้อไม่สูงมากนัก เมื่อเปรียบเทียบกับ Demand - Side Economics ( ผ่านนโยบาย Supply-Side )

5.4) ลดกฏเกณฑ์การควบคุมจากภาครัฐ เพื่อให้ภาคเอกชนแข่งขันกันอย่างเต็มที่ และก่อให้เกิดนวัตกรรมตามมา ( ผ่านนโยบาย Supply-Side )

5.5) ลดการขาดดุลการค้า โดยทําสงครามการค้ากับประเทศต่างๆโดยเฉพาะกับจีน โดยสหรัฐอเมริกาขาดดุลการค้าจีนสุงที่สุดเป็นประวัติการณ์ที่ 375,000 ล้าน USD ในปี พ.ศ 2560  เพื่อให้เกิดการสร้างงานในสหรัฐอเมริกา ( ผ่านนโยบายปกป้องการค้า หรือ Protectionism )

5.6) กีดกันชาวมุสลิมไม่ให้เดินทางเข้าสหรัฐอเมริกา เพราะเหตุการณ์ก่อการร้ายในสหรัฐอเมริกามักจะมีต้นเหตุมาจากชาวมุสลิมเช่น เหตุการณ์ World Trade เป็นต้น ในขณะเดียวกันก็สนับสนุนการสร้างกําแพงกั้นชายแดนกับเม็กซิโกเพื่อแก้ปัญหาการเข้าเมืองโดยผิดกฏหมาย ( ผ่านนโยบายชาตินิยม Nationalism )

5.7) ลดการช่วยเหลือแก่ประเทศต่างๆทั่วโลกในทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือแบบให้เปล่า หรือการส่งทหารไปช่วยรบ ทั้งนี้ เพื่อประหยัดงบประมาณไปส่งเสริมนโยบายด้านอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อชาวอเมริกันอย่างแท้จริง ( ผ่านนโยบาย " America First " )

เป็นต้น

เพราะฉะนั้น ประเด็นที่ว่า " ตลาดหุ้นขับเคลื่อนด้วยอะไรนั้น? " คําตอบก็คือ ตลาดหุ้นขับเคลื่อนด้วย " นายตลาดตัวจริงเสียงจริงอย่าง เอะอะ โผงผาง ไม่อยู่กับร่องกับรอย " นั่นเอง!

หมายเหตุ : 1) ที่มาจาก ( www.bloomberg.com ) และ @realDonaldTrump

                 2) Down Jones ที่ 18,333 จุด และ Set Index ที่ 1,510 จุด เป็นจุดปิด ณ. วันที่ 8 พฤศจิกายน ปี พ.ศ 2559 ซึ่งเป็นวันก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาครั้งที่แล้ว 1 วัน และ Donald Trump ได้รับการเลือกตั้งให้ดํารงตําแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา

                 3) "นายตลาดตัวจริงเสียงจริงอย่างเอะอะ โผงผาง ไม่อยู่กับร่องกับรอย " กะว่าจะปั่น Down Jones ให้ไปอยู่ที่อย่างน้อย 30,000 จุด ( อย่างน้อย 63.64% จาก 18,333 จุด ) ในวันก่อนวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาครั้งต่อไปในวันอังคารแรกของเดือนพฤศจิกายน ปี พ.ศ 2563 1 วัน และน่าจะทําให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นตามไปอยู่ที่อย่างน้อย 2,471 จุด อย่างน้อย 63.64% จาก 1,510 จุด )ในช่วงเวลาเดียวกัน 

                4) “ เพื่อนผู้รู้ใจ  รู้ดีว่า " นายตลาดตัวจริงเสียงจริงอย่างเอะอะ โผงผาง ไม่อยู่กับร่องกับรอย " เป็นคนเดียวในโลกนี้ที่ปั่นหุ้นได้โดยไม่ผิดกฏหมาย  และ ก.ล.ต ก็ไม่สามารถจะเล่นงาน " เพื่อนของ “ เพื่อนผู้รู้ใจ “ ผู้นี้ " ได้ด้วย และที่สําคัญ เพื่อนของ “ เพื่อนผู้รู้ใจ “ ผู้นี้  " ไม่มีความจําเป็นที่จะต้องไปสอบและมีใบอนุญาติในการปั่นหุ้นจากสถาบันการเงินใดๆทั้งสิ้นในโลกใบนี้ ให้เป็นการเสียเวลานะ คร๊าบ! พี่น้อง!

                5) " เพื่อนผู้รู้ใจ " ขอเรียนให้ทราบว่าการวิแคระฯหุ้นไม่ว่าจะเป็นสายกราฟ หรือสายพื้นฐานก็ตาม ถือว่าไม่มีประโยชน์และใช้ไม่ได้ทั้งนั้น เพราะ " นายตลาดตัวจริงเสียงจริงอย่าง เอะอะ โผงผาง ไม่อยู่กับร่องกับรอย " เป็นคนกําหนดตลาดไว้ก่อนหน้านี้แล้ว และต่อให้ท่านนักวิแคระฯ ทั้งสายกราฟ หรือสายพื้นฐานที่ได้รับรางวัลการวิแคระฯเป็นพันเป็นหมื่นรางวัลก็ตาม  ก็ไม่มีประโยชน์และใช้ไม่ได้ทั้งสิ้นด้วยเหมือนกัน ถ้านักวิแคระฯไม่รู้จัก " นายตลาดตัวจริงเสียงจริงอย่าง เอะอะ โผงผาง ไม่อยู่กับร่องกับรอย " เหมือน " เพื่อนผู้รู้ใจ " ผู้นี้

 

 

 


ศักดิ์